เหตุผลสำคัญที่ดูสารคดี History of Swear Words ชุดนี้ก็เพราะพี่ Nicolas Cage นี่แหละครับ ยอมรับว่าตอนดูนี่ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นหน้าพี่เขา และหลายวาระก็แอบขำ เพราะพี่ท่านวางมาดเป็นพิธีกรแบบเก๊กๆ วันดีคืนดีก็ปล่อยมุก เป็นอะไรที่ชวนให้ขำดีจริงๆ
ซีรี่ส์นี้ก็เป็นการเอาเรื่องราวของคำด่าคำสบถ 6 คำมาบอกเล่าครับ อันได้แก่ Fu*k, Sh*t, Bi*ch, Di*k, Pu**y และ Damn ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ ตำนาน รวมไปถึงการใช้งานตามบริบทต่างๆ แล้วก็มีคอมเมนต์ความเห็นจากบุคคลหลากสาขาวิชาชีพมามอบมุมมองให้เราได้รับทราบ
ว่ากันในแง่ของประวัติศาสตร์แล้ว สารคดีนี้่ยังไม่เจาะลึกอะไรขนาดนั้นครับ เป็นการเล่าแบบคร่าวๆ พอให้รู้ที่มาที่ไป ดังนั้นใครคาดหมายอะไรที่มันลึกๆ หรือข้อมูลที่มันแปลกใหม่ชวนว้าวก็อาจต้องปรับความคาดหวังครับ เพราะเรื่องราวข้อมูลส่วนใหญ่มักจะเป็นอะไรที่เราพอจะรู้กันมาแล้ว หรือไม่ก็พอจะคาดเดาได้
แต่เรื่องที่ไม่เคยรู้ก็ยังพอมีนะครับ ตัวอย่างเช่น เชื่อไหมครับถ้าผมจะบอกว่า Samuel L. Jackson ที่เรามองว่าเขาเป็นเจ้าพ่อแห่งคำว่า Fu*k นั้น กลับไม่ใช่คนที่พูดคำนี้ในภาพยนตร์มากที่สุดเป็นอันดับ 1… ใช่แล้วครับ มีดาราคนอื่นพูดคำนี้ในจอมากกว่าเขาซะอีก ส่วนจะเป็นใครต้องลองไปหาคำตอบเอาในซีรี่ส์ครับ
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ “คำสบถเพิ่มความอดทน” ประมาณว่ามีการทดลองในรายการให้ผู้ทดลองเอามือไปแช่ในถังน้ำแข็ง โดยกลุ่มหนึ่งให้แช่เฉยๆ ส่วนอีกกลุ่มให้แช่ไปพร้อมทั้งพ่นคำสบถไปแบบเต็มพิกัด ปรากฏว่ากลุ่มที่พ่นคำสบถสามารถทนได้นานกว่าครับ อาจเพราะการพ่นคำสบถนั้นเป็นการระบายอารมณ์ เป็นการผ่อนความรู้สึกบางประการในตัวเรา จนทำให้เราสามารถทนต่อบางสถานการณ์ได้มากขึ้น ฯลฯ ก็เป็นประเด็นน่าสนใจและชวนให้คิดต่ออยู่เหมือนกัน – ชวนให้เราสังเกตตัวเองยามสบถน่ะครับ ว่ามันส่งผลอย่างไรต่อตัวเรา
โดยรวมแล้วก็ถือว่าดูได้แบบเรื่อยๆ ครับ บางจังหวะก็เพลินดี แต่ช่วงที่เรื่อยๆ หรือนิ่งๆ ก็มีอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังดีครับที่แต่ละตอนยาวประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ถือว่าพอดีๆ – เอาเป็นว่าซีรี่ส์นี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบพี่ Cage แล้วก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับคำสบถเพิ่มเติมครับ
สองดาวหน่อยๆ ครับ
(6.5/10)
