ออกตัวก่อนเลยครับว่าผมชอบหนัง Lethal Weapon มาก เอามาดู 4 ภาคต่อกันบ่อยที่สุดในบรรดาหนังแอ็กชันทั้งหลาย ดูจนรู้สึกประหนึ่งว่าริกก์ส, เมอร์ทัฟ และสารพัดตัวละครในเรื่องเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันไปแล้วน่ะครับ 555
ดังนั้นพอได้ข่าวว่าจะมีการรีเมคเป็นซีรี่ส์ ผมเองก็เกิดอาการเสียววาบขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาซีรี่ส์รีเมคหรือรีบูทนั้นมีเพียงไม่กี่เรื่องที่จะเข้าเป้า และล่าสุดซีรี่ส์อย่าง Rush Hour หรือ MacGyver ก็ทำให้ความกลัวที่ว่าเพิ่มปริมาณหนักขึ้นไปอีก
แต่ครั้นพอได้ดู ก็บอกได้เลยครับว่าผมชอบ Lethal Weapon ฉบับซีรี่ส์มากกว่าที่คิด จนผมยินดียกให้เป็น “หนึ่งในซีรี่ส์รีบูทที่ทำได้เข้าเป้า” ไปเรียบร้อย เพราะมันสนุก ดูเพลิน และยังคงรสชาติแบบเดิมๆ ของหนังชุดนี้ไว้ได้สำเร็จ
เริ่มจากคาแรคเตอร์ตัวละครครับ Clayne Crawford รับบท มาร์ติน ริกก์ส ได้แบบพอเหมาะ ผมชอบที่เขาเป็นริกก์สในแบบของเขาเอง ไม่ได้พยายามตามรอย Mel Gibson มากจนเกินไป เหมือนเขาตีความตัวละครนี้จากเรื่องราวในชีวิตของริกก์สเป็นหลักน่ะครับ ว่าริกก์สเป็นคนแบบนี้ เจอเรื่องแบบนี้ เลยกลายเป็นแบบนี้ อะไรประมาณนี้
ผลที่ได้คือ บางมุมเขาก็จะทำให้เรานึกถึงริกก์สแบบ Gibson แต่บางมุมเขาก็ทำให้เราได้รู้จักกับแง่มุมใหม่ๆ ของริกก์ส เขาดูบ้าบิ่น อมทุกข์ แหกคอก ติงต๊อง แต่ขณะเดียวกันเขามีพัฒนาการหลังได้ทำงานกับเมอร์ทัฟ ซึ่งจัดว่าเป็นส่วนผสมจากภาคต่างๆ ของริกก์สฉบับหนังได้แบบกำลังดี
ส่วน Damon Wayans ตอนแรกผมก็กังวลนะว่าเขาจะเป็นเมอร์ทัฟได้เหรอ และผลก็คือ เขาเป็นได้ครับ คาแรคเตอร์ ท่าทาง ความคิด การพูดต่างๆ จนบางฉากนี่ทำให้รู้สึกเหมือน “องค์เมอร์ทัฟของ Danny Glover” มาประทับเลยล่ะ
แต่ก็เหมือนกับบทริกก์สของ Crawford น่ะครับ Wayans ก็สามารถเติมลีลาเมอร์ทัฟในแบบของตัวเองลงไปได้เช่นกัน อย่างมุกจู๋จี๋กับทริชที่ในฉบับหนังมันจะไม่จี๋จ๋าอะไรกันขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะมุกจี๋จ๋าที่ว่าก็เพิ่มความฮาให้ซีรี่ส์ได้เยอะเหมือนกัน
จุดที่จะตัดสินว่าผ่านไม่ผ่าน สำหรับผมอย่างแรกคือ เวลาริกก์สกับเมอร์ทัฟทำงานด้วยกันแล้วต้องมีการตีกัน กัดกัน เห็นต่างกัน ประมาณว่าริกก์สลุยอย่างเดียว ส่วนเมอร์ทัฟจะพยายามทำตามกฎและพยายามจะไม่เสี่ยง ซึ่งจากที่เห็นแล้ว ข้อแรกนี่ผ่านครับ
อย่างต่อมาคือการตามล่าคนร้ายของริกก์ส ที่หากเป็นริกก์สตัวจริงแล้ว พี่แกจะบ้าบิ่นไล่ตามคนร้ายด้วยทุกวิธี เช่น หากจู่ๆ คนร้ายหนีขึ้นรถจนริกก์สตามไม่ทันแล้ว ริกก์สจะไม่หยุดอยู่เฉยๆ แต่จะพยายามมองซ้ายมองขวา หารถขับตาม หาของขว้างไปสกัด หาปืนไปยิง ฯลฯ อะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาตามล่ามันได้ต่อ (ทำทุกวิธี ยกเว้นขอกำลังเสริม 555)
นั่นล่ะครับความมันส์ที่เป็นจุดขายสำคัญของ Lethal Weapon มีริกก์สคอยทำตัวระห่ำลืมโลก ไล่ล่ายิงยาว ตามด้วยฉากระเบิด ฉากถล่มในรูปแบบต่างๆ (แฟน LW คงจำได้ว่าแต่ละภาค เมืองต้องวินาศสันตะโรเสมอ) และฉบับซีรี่ส์นี้ก็ทำได้ตามนั้นครับ จึงเป็นอะไรที่สะใจมาก
อีกอย่างที่ผมชอบคือ ซีรี่ส์ไม่ได้เดินตามหนังแบบเป๊ะๆ มันจะมีทั้งจุดเหมือนและจุดต่าง หรือบางจุดก็จะแค่ดูคล้ายๆ อย่างการให้เหยื่อฆาตกรรมตกจากตึกลงมากระแทกรถในช่วงวันคริสต์มาส (แบบตอนเปิดภาคแรก)
บางฉากก็เอาล่อเอาเถิดกับแฟนดั้งเดิม LW อย่างฉากที่เมอร์ทัฟพาลีโอ เกตซ์ (Thomas Lennon – นี่ก็เล่นได้เจ๋งเหมือนกัน) ไปซ่อนตัว ในขณะที่ริกก์สได้อยู่กับตัวละครหญิงที่เขาเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้ ซึ่งมันคล้ายตอนภาค 2 มากๆ แต่บทลงเอยระหว่างริกก์สกับตัวละครหญิงรายนั้นกลับเป็นไปในเชิงน่ารักแทน
เอาเป็นว่าผมสนุกครับ เพลินและฮากับซีรี่ส์อย่างยิ่ง ไม่ผิดหวังครับ ซึ่งผมอยากขอบคุณทีมงานจากใจเลยที่ไม่ทำให้เสียชื่อ Lethal Weapon (ซึ่งคนสร้างสรรค์ซีรี่ส์นี้ก็คือ Matthew Miller ที่ทำซีรี่ส์อายุสั้น แต่โดนใจผมอย่างแรง เรื่อง Forever นั่นเอง)
สามดาวครับ