ถ้าหากว่าคุณยังไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนและเลี่ยนไปกับเรื่องราวเทพนิยายของเจ้าหุ่นกระบอกในตำนาน ก็ลองมาเปิดใจและล้างตาดูอีกหนึ่งเวอร์ชั่นที่ส่งออกมาในช่วงปลายปีนี้ กับ “Guillermo del Toro’s Pinocchio” หนังแอนิเมชั่นสตอปโมชั่น ฝีมือการรังสรรค์ของสุดยอดผู้กำกับ “กีเยร์โม เดล โตโร” ที่แม้จะเอาท่วงทำนองเดิม ๆ มาปรุงแต่งใหม่ แต่จินตนาการและไอเดียของเขาก็ยังบรรเจิดเลิศล้ำในโลกภาพยนตร์มากเลยจริง ๆ
เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องราวเทพนิยายบทนี้ดีอยู่แล้ว ร้อยเรียงจากนิทานสุดคลาสสิกของ การ์โล กอลโลดี กับ หุ่นกระบอกไม้ที่มีชีวิตขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพื่อมาซ่อมแซมและเติมเติมหัวใจของช่างแกะสลักวัยชรา ที่ได้นำพาทุกคนไปผจญภัยในโลกที่แสนซุกซนและท้าทายของพิน็อคคิโอ ที่ต้องการแสวงหาโลกใบใหม่กับสถานที่ที่เขายังไม่เคยได้รู้จักมาก่อน
คงต้องสารภาพตรง ๆ ว่าหนังเวอร์ชั่นก่อนทำเอาไว้ค่อนข้างเข็ดหลาบพอสมควร จึงเป็นเหตุทำให้ Guillermo del Toro’s Pinocchio ฉบับนี้เปิดดูด้วยการก่อกำแพงเป็นเกราะกำบังเอาไว้หนาระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ลองเปิดใจดูอย่างถึงที่สุด ก็พบว่าเวอร์ชั่นนี้ช่างงดงามยิ่งกว่าฉบับไลฟ์แอคชั่นของดิสนีย์ที่เคยทำเอาไว้อยู่หลายขุม แค่นอนดูเทคนิคงานสร้างแบบสตอปโมชั่นก็เพลินดีแล้ว
อาจจะต้องคาระวิสัยทัศน์และลีลาขั้นเทพของ กีเยร์โม เดล โตโร โดยแท้ แม้ว่าจะเป็นงานคลาสสิกที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของนักสร้างที่ถูกคน สรรค์สร้างออกมาได้ลงล็อกและถูกจังหวะ มันก็ย่อมทำให้ทิศทางออกมาได้อย่างแช่มชื่นดีนัก แน่นอนว่าหนังยังร้อยเรียงเรื่องราวบนพื้นฐานโครงการดั้งเดิม แต่ก็มีการขยายและตีความให้ออกมาแปลกใหม่จากเดิม เป็นกิมมิกที่ทำให้หนังมีความสดใหม่ขึ้นมาได้เล็กน้อย
บทหนังของ Guillermo del Toro’s Pinocchio อาจจะไม่ได้มีอะไรที่ใหม่นัก แต่ต้องยอมรับว่าครึ่งชั่วโมงแรกของหนังเต็มไปด้วยการโหมโรงที่น่าสนใจ แม้ว่ามันจะเป็นฉากเกริ่นที่เป็นขยายความออกมาแบบเยิ่นเย้อไปบ้าง แต่มันกลายเป็นองค์ประกอบเสริมเพิ่มเติมเข้ามาที่ช่วยเหลือยกระดับให้หนังดูดียิ่งขึ้นอีกขั้น และทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาเป็นกอง อีกทั้งฉีกแนวการผจญภัยแบบเดิม ใส่ประเด็นการเมืองสงครามเข้าไปเสริมเข้ากับการค้นหาตัวตน ที่ออกมาในทิศทางที่น่าสนใจได้ดี
และแน่นอนว่าไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็ถือองค์ประกอบงานสร้าง ที่ต้องยกนิ้วให้ทั้งหมด 10 นิ้วไปเลย กีเยร์โม เดล โตโร ก็ยังคงไม่ทิ้งลีลาจัดจ้านในความเป็นมืออาชีพในการสร้างงานสตอปโมชั่นที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเสน่ห์ในรูปแบบตัวเอง และเรามักจะเพลิดเพลินเสมอ ๆ ที่มักจะได้เห็นเบื้องหลังงานสร้างในฉบับของเขา และยิ่งทำให้รู้สึกทึ่งตลอด กับการเห็นว่าแต่ละฉากที่ออกมานั้นต้องผ่านกระบวนการซ้ำ ๆ กี่ครั้ง
งานสตอปโมชั่นในหนัง Guillermo del Toro’s Pinocchio ยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ และลายเล้นในแบบของผู้กำกับท่านนี้โดยแท้ งานสร้างแต่ละช็อตค่อนข้างละเอียด เมื่อมาผนวกเข้ากับการจัดลำดับภาพและใช้แสงสีมาเสริมเข้าด้วยกัน ยิ่งช่วยยกระดับให้กับหนังได้เป็นอย่างดี กลายออกมาเป็นงานภาพสวย ๆ ที่น่าประทับใจ และเป็นหนังที่ดูได้เพลินดีไปตลอดทั้งเรื่อง
แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ Pinocchio ในเวอร์ชั่นนี้ยังไม่ค่อยรู้สึกคล้อยตามและตรึงใจได้สักเท่าไหร่นัก นั่นก็คือความเป็นมิวสิคัลในหนังเรื่องนี้ ที่บทเพลงแต่ละเพลงที่ต้องยอมรับว่าไม่กลมกล่อมสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นดิสนีย์ทำ ที่มีบทเพลงที่ได้อรรถรสได้ยิ่งกว่า แต่ก็ยังดีที่เวอร์ชั่นนี้มิวสิคัลเป็นเพียงองค์ประกอบเสริมที่ใส่เข้ามาในหนังเรื่องนี้ และยังไม่ใช่จุดที่ทำลายมนต์ขลังของหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด
หนังเวอร์ชั่นยังมาพร้อมทีมนักแสดงชุดใหญ่มากที่มาให้เสียงพากย์ “ยวน แม็คเกรเกอร์”, “เดวิด แบรดลีย์”, “เกร็กกอรี่ แมนน์” ต่อรับบทบาทหนังที่ของเขาได้ดีตามมาตรฐาน หนังยังได้ “เบิร์น กอร์แมน”, “รอน เพิร์ลแมน”, “เคต แบลยเชตต์”, “ฟินน์ วูลฟ์ฮาร์ด” และ “คริสตอฟ วอล์ตซ์” เป็นวอยซ์ทาเลนท์ที่มาร่วมสร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน
เอาเป็นว่าโดยสรุปแล้วนั้น Guillermo del Toro’s Pinocchio เป็นหนังพิน็อคคิโอเวอร์ชั่นใหม่ ที่เต็มไปด้วยไอเดียที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างดีแท้ การตีความใหม่อาจจะเป็นความเสี่ยง แต่ในความกล้าเสี่ยงของหนังเรื่องนี้ ถือว่านำไปสุ่ทิศทางที่น่าพอใจ งานสร้างในรูปแบบสตอปโมชั่นของหนังเรื่องนี้เป็นเสน่ห์โดยแท้ของหนังเรื่องนี้ ความพิถีพิถันในงานสร้างเต็มไปด้วยเส่นห์
ตำนานของพิน็อคคิโอก็ยังคงเป็นนิทานเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาปรุงแต่งในรูปแบบใหม่ ๆ ได้อย่างไม่มีขอบเขต และหนังเวอร์ชั่่นนี้ก็คือตัวอย่างของความกล้าบียอนด์ออกไปสู่นอกกรอบเดิม ๆ เป็นการปรุงแต่งรสชาติใหม่ที่มีรสชาติอร่อยอีกแบบ อาจจะต้องบอกว่า Guillermo del Toro’s Pinocchio เป็นอีกเวอร์ชั่นที่น่าจดจำและครบทุกอรรถรสในแบบที่หนังพึ่งจะมี
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Guillermo del Toro’s Pinocchio หุ่นน้อยผจญภัย
- ประเภท: แอนิเมชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
- ผู้กำกับ: กีเยร์โม เดล โตโร
- ให้เสียงพากย์โดย: ยวน แม็คเกรเกอร์, เดวิด แบรดลีย์, เกร็กกอรี่ แมนน์
- ความยาว: 117 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 9 ธันวาคม 2022 (ที่ Netflix)
Movie.TrueID METRIC: Guillermo del Toro’s Pinocchio หุ่นน้อยผจญภัย
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การให้เสียงพากย์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
คุณสามารถรับชม Netflix ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
————————————-