ทันทีที่ End Credits ของ Scream ภาคนี้โผล่ขึ้นมา ผมก็ค่อยๆ ถามตัวเองว่า “เราชอบภาคนี้ไหมเนี่ย?”
นั่งพิจารณาไปสักพักคำตอบก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในหัวครับ ว่าภาคนี้มีทั้งส่วนที่รู้สึกชอบ และส่วนที่ยังรู้สึกไม่โดนสักเท่าไร ผสมปนเปกันไป แต่โดยรวมแล้วถือว่าดูได้ เพลินดี
จุดที่ผมชอบในภาคนี้คือรู้สึกได้ว่าคนทำเขาตั้งใจครับ ตั้งใจคารวะภาคแรก อย่างปมเรื่องก็อิงจากภาคแรกเป็นหลัก และหลายๆ รายละเอียดก็ใส่ลงมาแบบที่คนชอบหนังชุดนี้อย่างผมรู้สึกเลยว่าเขาใส่ใจนะ อย่างเช่นป้ายรำลึก “ทาตั้ม” ที่วางอยู่ในบ้านของดิวอี้ เป็นต้น (เพราะภาคอื่นๆ ดูเหมือนจะลืมทาตั้มไปเลย)
ภาคนี้ตัวหลักจริงๆ จะเป็นแซม คาร์เพนเธอร์ (Melissa Barrera) หญิงสาวที่จากเมืองวู๊ดส์โบโรไปด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่แล้วเธอก็ต้องกลับมาเมื่อเกิดเรื่องกับน้องสาว และนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของเกมล่าฆ่าโหดที่ฆาตกรหน้ากากผีตั้งใจวางไว้
ในขณะที่ตัวหลักจากภาคก่อนๆ จะออกแนวสมทบ แต่เป็นการสมทบที่น่าสนใจครับ ไม่ว่าจะซิดนี่ย์ (Neve Campbell), เกล (Courteney Cox), ดิวอี้ (David Arquette) ที่แม้จะไม่ได้มาเป็นตัวนำ แต่จังหวะการโผล่มาของพวกเขานั้นนับว่าพอเหมาะ ช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับเรื่องราวได้อย่างดี
พวกเขาจะค่อยๆ โผล่มาเข้าฉากทีละคนครับ และเวลาโผล่มาทีก็ทำให้แฟนหนังชุดนี้ (อย่างผม) รู้สึกดีใจขึ้นมาเลยที่ได้กลับมาเจอพวกเขาอีกครั้ง และขณะเดียวกันก็ต้องแอบภาวนาให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัย
จังหวะการนำเสนอก็ใช้แนวทางเนิ่บๆ ค่อยๆ สร้างบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจทีละน้อย หรือบางครั้งก็เล่นเอาล่อเอาเถิดกับคนดู โดยเฉพาะมุกที่ตัวละครเปิดประตูอะไรบางอย่าง แล้วให้คนดูลุ้นว่าพอตัวละครปิดประตูแล้วจะมีฆาตกรมาโผล่ไหม
หนังใช้มุกนี้เหมือนจะยั่วล้อให้คนดู ไม่เชิงว่าให้ลุ้นครับ แต่เหมือนเอามุกนี้มาแซว รวมถึงอีกหลายๆ มุกของหนังสยองแนวเชือดที่มักจะถูกใส่ลงมาซ้ำๆ ซึ่งผมออกแนวขำแบบชอบครับ ล้อได้ไม่เลว แต่ถ้าถามว่ามีแอบเบื่อบ้างไหม ก็มีบ้างในบางฉากครับ เวลาที่มันย้ำมุกพวกนี้มากและบ่อยเกินไป แล้วเนื้อเรื่องก็ไม่เดินไปไหน วาระแบบนั้นก็แอบรู้สึกนิ่งเหมือนกัน
Matt Bettinelli-Olpin และ Tyler Gillett 2 ผู้กำกับที่ทำหนังเรื่องนี้ออกตัวครับว่าเป็นแฟนหนัง Scream อันที่จริงพวกเขาบอกเลยว่า Scream นี่แหละคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้พวกเขาโดดมาสู่วงการกำกับภาพยนตร์ ซึ่งดูแล้วก็เชื่อครับ เชื่อว่าพวกเขาชอบ ดูได้จากโทนและลีลาต่างๆ ที่ได้กลิ่นอายภาคแรก
แต่กระนั้นจุดอ่อนประการหนึ่งของหนังก็อาจเพราะมันคล้ายภาคแรกมากน่ะครับ มันจึงไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไร อันนี้ถ้าว่ากันจริงๆ ถ้าพูดถึงอะไรใหม่ๆ แล้ว ผมจะนึกถึงภาค 4 ครับ ผมว่าภาค 4 นี่มีลูกเล่นเยอะ มีอะไรใหม่ค่อนข้างมาก และเดินเรื่องค่อนข้างกระชับ จนผมคิดเลยว่าถ้าหนังใส่อะไรที่มันใหม่ หรือลูกเล่นใหม่ๆ ลงไปในภาคนี้ หรือกระชับบางฉากบางตอนมากกว่านี้ ผมว่าหนังคงอร่อยคล่องคอขึ้นน่ะครับ
ถ้าให้เทียบความชอบแล้ว ผมยังชอบภาคแรกมากที่สุดอยู่ครับ รองลงมาคือภาค 4 ส่วนภาค 2 และ 5 นี่ถือว่าพอๆ กัน ในขณะที่ภาค 3 นั้น จริงๆ ผมชอบนะ แต่ถ้าว่ากันถึงคุณภาพ เนื้อเรื่อง และอะไรอีกหลายๆ อย่างแล้ว ก็อาจจะสู้ภาคอื่นๆ ยังไม่ได้เท่าไร
แต่ฉากฆ่ากันนี่ถือว่าโหดอยู่ครับ โดยเฉพาะฉากมีดจิ้มแทงทะลุคอนี่ยังติดตาอยู่เลย
ส่วนปมของฆาตกร ก็ออกจะเป็นอะไรเดิมๆ อยู่ครับ อันนี้ค่อนข้างเฉย ไม่ว้าวเท่าไร ไปๆ มาๆ ผมว่าผมสนใจปมของแซมมากครับ ซึ่งถ้ามีภาคต่อไปก็น่าจะเอาประเด็นนี้มาเล่นต่อ และสามารถพลิกแพลงไปเล่นอะไรได้อีกหลายอย่างทีเดียว
สรุปว่าผมโอเคกับหนังครับ ยังดูได้เรื่อยๆ ในฐานะหนัง Scream และด้วยรายได้ที่ถือว่าน่าพอใจ (ทั่วโลกทำไป $140 ล้าน จากทุนเพียง $24 ล้าน) เราก็น่าจะได้เห็นภาคต่อกันครับ ขณะที่ผมเขียนนี่ก็เริ่มได้ข่าวแล้ว รวมถึงข่าวว่าจะมีบางตัวละครจากภาคก่อนๆ กลับมาอีกด้วย ก็รอกันต่อไปครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)