เชื่อว่าเราทุกคนน่าจะรู้จักกับเกมตัวต่อ เกมสุดคลาสสิกที่สนุกเพลินอย่างไม่คาดคิด แต่คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักประวัติและที่มาของเกมดังกล่าว และนี่ก็เป็นหน้าที่ของ “Tetris เตตริส” หนังที่มาถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมาให้รูปแบบเชิงกลยุทธ์ธุรกิจที่เต็มไปด้วยชั้นเชิง ที่ไม่ใช่หนังประวัติเกมทั่ว ๆ ไปที่เราเคยได้เห็นมาก่อน แต่หนังเรื่องนี้เป็นมากกว่านั้น
Tetris เล่าเรื่องราวของหนึ่งในวิดีโอเกมที่รับความนิยมมากที่สุดของโลก อย่าง เตตริส ที่สามารถเข้าแทรกซึมถึงผู้เล่นทั่วโลกได้อย่างแพร่หลาย แต่เส้นทางการแจ้งเกิดของเกมนี้เป็นเช่นไร ผ่านมุมมองของนักธุรกิจหนุ่ม เฮงค์ โรเจอร์ส กับผู้ประดิษฐ์เกม อเล็กซิ ปาจิตนอฟ ที่ได้ตัดสินใจร่วมมือกัน ฝ่าวงล้อมแรงกดดันในสหภาพโซเวียต และท้าทายอำนาจการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ เพื่อนำเกมเตตริสออกมาสู่สายต่อผู้คนจำนวนมากให้ได้
“จอน เอส. แบร์ด” ผู้กำกับชาวสก็อตแลนด์มารับหน้าที่ดูแลงานสร้างหนังเรื่องนี้ เขาอาจจะยังไม่ใช่ผู้กำกับที่มีชื่อสักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ผลงานที่ผ่านมาก็มักจะเป็นหนังที่มีสไตล์และลีลาที่เฉพาะตัวเองเป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนว่า Tetris อาจจะเป็นหนังเชิงพาณิชย์ที่สุดนับตั้งแต่ประกอบอาชีพนักทำหนังมาด้วยซ้ำ และต้องยอมรับว่าเขาใส่ลีลาของตัวเองเข้าไปในหนังได้อย่างเฉียบคม
หนังมีแหล่งอ้างอิงมาจากประวัติที่มาที่ไปของเกมตัวต่อชื่อดังที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี แต่เราอาจจะยังไม่ได้เห็นมุมมองนี้มาก่อน เพราะนี่คือหนังชีวประวัติเกมที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงเพียบ สอดแทรกทั้งประเด็นทางธุรกิจและการเมืองที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนกับระทึกใจ โดยได้ “โนอาห์ พิงค์” นักเขียนบทชาวอังกฤษที่อาจจะยังไม่มีผลงานอันโดดเด่นสักเท่าไหร่ก่อนหน้านี้
ต้องยอมรับว่า Tetris เป็นหนังการเมืองเชิงธุรกิจที่มีประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ในแง่การนำเสนอและร้อยเรียงออกมาบทหนังนั้น ยังไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดใจให้กับคนดูได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่นัก โอเค..หนังมีเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าติดตาม แต่ลีลาและจังหวะต่าง ๆ ยังถูกใส่เข้ามาได้อย่างไม่เร้าใจเพียงพอ กลายเป็นหนังที่มีรสชาติที่เหมือนจะมีสีสันแต่ยังจืดชืดไปสักหน่อยอยู่
แต่อย่างไรก็ตาม หนังก็ยังมีการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ รายทางเอาไว้เป็นกิมมิกให้กับคนดูได้น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นลูกเล่นภาพกราฟฟิก 8-bit ที่ใช้เป็นตัวแทนคั่นเวลาการเล่าเรื่องตลอดทั้งเรื่อง ที่สื่อถึงความคลาสสิกของตำนานเกมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเกมเมื่อในอดีตอีกมากมายที่แทรกเข้ามาเป็นอีสเตอร์เอ้กสนุก ๆ
“ทารอน เอเจอร์ตัน” เป็นตัวยืนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ และเขาก็สามารถรับมือกับมือกับบทบาทได้อย่างน่าพอใจ แน่นอว่าเพราะว่าบทหนังส่งเสริมตัวละครของเขาได้ดีอยู่แล้ว การแสดงของเขามาช่วยเพิ่มพูนศักยภาพในหนังให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าเขาจะต้องพยายามให้หนักหน่วงขึ้นกว่านี้ก็ตาม เพราะน่าเสียดายที่บทหนังและการเล่าเรื่องยังไม่สามารถส่งเสริมได้อย่างเต็มที่เท่าไหร่
อาจจะบอกได้ว่า Tetris ไม่ใช่หนังประวัติเกมดังที่มีจังหวะเล่าที่สนุก ๆ เหมือนกับที่เรื่องอื่นเคยทำเอาไว้ เพราะหนังเต็มไปด้วยเนื้อหาที่หนักแน่นไม่น้อย โดยเฉพาะความจำเป็นที่ต้องแทรกความเข้มข้นประเด็นการเมืองของโซเวียตเข้าไป ที่ทำให้เนื้อหาของหนังซับซ้อนและหนักอึ้งเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ใช่หนังที่ดูยากอะไร เพราะลำดับการเล่าเรื่องก็ยังร้อยเรียงไปตามไทม์ไลน์ แต่หนังค่อนข้างหมกหมุ่นอยู่กับบทสนทนาการเจรจาธุรกิจมากกว่า
โดยสรุปเป็นภาพรวมแล้วนั้น Tetris หนังที่เล่าตำนานของเกมตัวต่อที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เป็นหนังเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจและการเมืองที่ค่อนข้างดุดัน แต่อาจจะยังไม่จัดจ้านเพียงพอ เพราะบทหนังกับการเล่าเรื่องที่ยังไม่ค่อยมีเสน่ห์และแรงจูงใจมากเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังดีที่ได้ ทารอน เอเจอร์ตัน กับแสดงที่เป็นมืออาชีพมาช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ นี่อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็จัดได้ว่ามีชั้นเชิงในแบบตัวเองที่บียอนด์ไปมากกว่าหนังเกมเรื่องก่อน ๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Tetris เตตริส
- ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: จอน เอส. แบร์ด
- นำแสดงโดย: ทารอน เอเจอร์ตัน, นิกิตะ เอเฟรมอฟ, โทบี โจนส์
- ความยาว: 118 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 31 มีนาคม 2023 (ที่ Apple TV+)
Movie.TrueID METRIC: Tetris เตตริส
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
————————————-