The Night Shift Season 1-4 (2014-2017) ทีมแพทย์สยบคืนวิกฤติ ปี 1-4

Untitiled05353

เพิ่งดูจบปี 4 ไปสดๆ ร้อนๆ ก่อนจะลงมือเขียนเลยครับ ซึ่งก็เป็นอะไรที่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้หลังดูจบ 4 ปี อารมณ์ประมาณว่าอยากบันทึกความรู้สึกที่มีต่อซีรี่ส์เรื่องนี้เก็บเอาไว้น่ะครับ

ถ้าถามว่าซีรี่ส์ชุดนี้สนุกไหม ก็ตอบได้ว่าดูเพลินพอประมาณครับ แนวทางของซีรี่ส์ก็ประมาณ ER หรือ Chicago Med ที่จับเอาเรื่องหมอที่ทำงานในวอร์ดมาบอกเล่า ซึ่งผมว่าทำออกมาได้โอเคครับ อาจไม่ถึงกับลงล็อคเท่า ER แต่ผมก็ชอบมากกว่า Chicago Med

ถ้าถามว่าชอบตรงไหน ก็คงเป็นตรงสถานการณ์ที่เหล่าหมอต้องเผชิญ มันก็ประมาณ ER เลยครับ พวกหมอๆ ทำงานในห้องฉุกเฉินแล้วก็เจอเคสด่วนๆ เคสหนักๆ มาให้แก้ปัญหากัน ในจุดนี้ก็เล่าเรื่องได้ตื่นเต้นดี ขณะเดียวกันก็จะมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหมอๆ สอดแทรกลงไปด้วย ซึ่งมันทำให้นึกถึง ER จริงๆ และซีรี่ส์ก็บอกเล่าเรื่องได้ลื่นไหลในระดับหนึ่ง บทเขียนออกมาค่อนข้างดีครับ… แต่กระนั้นก็จะมีรายละเอียดที่คงต้องพูดถึงสักหน่อย เดี๋ยวค่อยมาว่ากันนะครับ

ส่วนต่อมาคือตัวละครหลักในเรื่องที่ส่วนใหญ่มาพร้อมคาแรคเตอร์ที่จดจำได้ง่าย อย่างตัวเอกของเรื่อง ทีซี คัลลาแฮน (Eoin Macken) ก็เป็นหมออินดี้ที่ทำอะไรตามอารมณ์และชอบแหกคอก และบทที่ถือว่าเป็นนางเอกคู่กับทีซีก็คือ จอร์แดน อเล็กซานเดอร์ (Jill Flint) เป็นคุณหมอสาวที่มีหลักการ คู่นี้ก็รักๆ เลิกๆ กันเป็นระยะๆ ครับ

ตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดต้องยกให้หมอโทเฟอร์ (Ken Leung) เพื่อนของทีซีที่แม้จะเป็นบทรอง แต่คาแรคเตอร์ตัวตนของเขาก็เป็นที่น่าจดจำ กับอีกคนก็ไมเคิล ราโกซ่า (Freddy Rodríguez) ผู้บริหารในวอร์ดที่คิดถึงผลประโยชน์ของโรงพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ รายนี้ถือเป็นสีสันสำหรับผมเลยนะ ปีแรกถือว่าน่าสนใจ พอมาปีสองนี่ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเพราะบทของเขามีการเปลี่ยนแปลงทิศทางซึ่งก็เพิ่มความน่าสนใจให้ตัวละครนี้มากขึ้นไปอีก จนบอกได้เลยว่าผมสนุกไปกับการติดตามพัฒนาการของเขาคนนี้มากทีเดียว

ครับ โดยรวมแล้วปี 1 กับปี 2 ถือว่าดูเพลิน แม้จะไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็ดูได้เรื่อยๆ ส่วนหนึ่งคงเพราะมันมาตามสูตรน่ะครับ สถานการณ์คอขาดบาดตายชวนให้ลุ้น บวกกับตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ตามสูตร มันเลยเป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้เราเพลินไปกับเรื่องราวได้ในระดับหนึ่ง (แต่หากใครไม่ชอบสูตรนี้ก็คงรู้สึกเฉยน่ะครับ)

เอาล่ะ ผมว่าผมคงต้องสปอยล์แล้วล่ะนะครับ ไม่งั้นไม่สามารถลงลึกกับสิ่งที่อยากจะเขียนได้ เอาเป็นว่าใครไม่อยากทราบก็ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ เอาเป็นว่าถ้าใครชอบซีรี่ส์แนวหมอๆ ในห้องฉุกเฉินก็ลองลิ้มดูได้ครับ ลองดูสักปี หากท่านชอบปีแรก ปี 2 – 3 ก็น่าจะโอเค แต่ปี 4 อาจต้องทำใจสักหน่อยเพราะความอร่อยมันลดลง

Untitiled05352

โอเค ทีนี้มาว่ากันแบบเปิดๆ เลยนะครับ ซีรี่ส์นี้โดยรวมๆ ถือว่าโอเค ดูได้แบบเพลินๆ แต่ถ้าถามว่ามีจุดอ่อนไหม ก็ต้องบอกว่ามีล่ะครับ อย่างแรกเลยคือการผูกเรื่องและความต่อเนื่องของเรื่องราวที่แม้ส่วนใหญ่จะถือว่าเล่าได้โอเค ถ้าดูแบบไม่คิดมากก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าดูแบบเก็บรายละเอียดสักหน่อยก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบทมันนึกจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็เป็นไปแบบดื้อๆ เช่นดูๆ ไปแล้วจู่ๆ บางตัวละครก็เป็นแฟนกันซะงั้น โดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อนเลย คือดูแล้วมันก็โดดทางอารมณ์เหมือนกันน่ะครับ และทำให้เราไม่อินในบางเรื่องราวไปโดยปริยาย

และส่วนที่รู้สึกหนักหน่อยคือเวลาแต่ละปีจบลงแล้วพอเริ่มปีใหม่ มันจะต้องมีบางตัวละครที่หายไปแบบไม่บอกกล่าว ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะดาราเขาไม่แสดงต่อน่ะนะครับ แต่สำหรับคนดูแล้วมันเหมือนตัวละครนั้นๆ ระเหยไปซะเฉยๆ อย่าง หมอแลนดี้ (Daniella Alonso) ที่ปีแรกคั่วอยู่กับทีซีแล้วก็เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างรู้ใจกับไมเคิล พอมาปีสองบทจะหายก็หายไปเลย หรือหมอคริสต้า (Jeananne Goossen) ที่แสดงอยู่ 2 ปี พอมาปี 3 ก็หายไปแบบไม่มีการพูดถึงเลย ซึ่งระหว่างดูต่อๆ กันก็ยอมรับล่ะครับว่าอารมณ์มันโดดๆ ไป เหมือนมันจะอินๆ จะผูกพันกับทีมหมอนี้อยู่แล้ว แต่พอเริ่มปีใหม่ฮวงจุ้ยก็เปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน ก็ต้องมาตั้งหลักกันใหม่

ที่เสียดายสุดคงเป็นไมเคิลน่ะครับ ผมชอบคาแรคเตอร์ของเขาในปี 2 มาก เขาดูเป็นหมอมือใหม่ที่ขยันเรียนรู้ มีทั้งอารมณ์ขันและพัฒนาการจนผมรู้สึกเสียดายมากๆ ที่เขาออกไปหลังจบปี 2 และอีกคนที่เสียดายมากๆ ก็คือโทเฟอร์น่ะครับ รายนี้ออกไปหลังจบปี 3 ซึ่งเป็นเพราะ Leung ไม่ต่อสัญญา พอดีเขาได้รับการทาบทามให้ไปร่วมงานซีรี่ส์ Inhuman ของ Marvel น่ะครับ ซึ่งมันก็ดูเป็นโอกาสที่ดีนะ และผมก็เข้าใจที่เขาจะเลือกไปเล่นซีรี่ส์ Marvel เพราะมันดูมีอนาคต

แต่ใครจะไปรู้ว่าไปๆ มาๆ ซีรี่ส์นี้ล่มครับ ไม่ได้รับความนิยมและคำวิจารณ์ก็ออกแนวลบจนสร้างแค่ปีเดียวแล้วก็เลิก… นี่ถ้าเขายังร่วมแสดงต่อในปี 4 ซีรี่ส์นี้อาจยังพอต่อชีวิตไปอีกก็ได้

ปีแรกถือเป็นการตั้งหลักครับ การเล่าเรื่องและการวางคาแรคเตอร์ถือว่าผ่าน ดูได้เรื่อยๆ ถือเป็นการทำความรู้จักระหว่างเรา (คนดู) กับตัวละคร ปมหลักๆ นอกจากเรื่องระหว่างทีซีกับจอร์แดนแล้ว ก็มีเรื่องของดรูว์ (Brendan Fehr) คุณหมอล่ำบึ้กที่เป็นเกย์และจำต้องปกปิดความจริง ปมนี้ถือว่าน่าติดตามและนำมาสู่เรื่องที่กินใจพอสมควร

ครั้นพอมาปี 2 ก็จัดว่าสนุกขึ้น ปมทีซีกับจอร์แดนได้สานต่อ และอย่างที่บอกว่าคาแรคเตอร์ของไมเคิลคือชูรสชั้นดี ตัวละครอื่นๆ ก็มีซีนของตัวเอง ถือเป็นปีที่ทำได้ดีครับ ทำให้เราสัมผัสถึงความเป็นครอบครัวของทีมหมอทีมนี้ได้ในระดับหนึ่ง

พอมาปี 3 ก็อย่างที่บอกครับว่าคริสตี้กับไมเคิลออกไป จุดกลมกล่อมบางอย่างจากปีก่อนๆ เลยหายไป และเรื่องความรักระหว่างทีซีกับจอร์แดนก็มีอันต้องเลิกรา (แบบยังมีเยื่อใย) แต่ยังดีที่โทเฟอร์มีปมให้เราติดตามมากขึ้น และตัวละครใหม่อย่างหมอแชนนอน (Tanaya Beatty) ก็ดูน่าสนใจอยู่ (แต่ผมก็เชื่อว่าต้องมีบางคนที่ไม่ชอบคาแรคเตอร์ “ขวานผ่าซาก” ของเธอ) ดังนั้นแม้บางอย่างที่เคยมีจะหายไป แต่อย่างน้อยความเป็นครอบครัวก็ยังคงอยู่ (แม้หลายๆ อย่างจะไม่เหมือนเดิม) และในแง่สถานการณ์ก็ดูใหญ่ขึ้น ดูลงทุนขึ้น จึงทำให้ปี 3 ยังจัดว่าดูสนุกและน่าติดตามอยู่

Untitiled05364

แต่แล้วพอมาถึงปี 4 พอตัวละครโทเฟอร์ไม่กลับมา เลยอดรู้สึกไม่ได้ว่าครอบครัวคุณหมอเกิดรูโหว่ขึ้นมาซะแล้ว (ซึ่งอันนี้ก็ไม่โทษทีมงานครับ เพราะดาราเขาไม่กลับมาแสดง) และทีมเขียนบทก็ตัดสินใจเขียนให้ทีซีไปทำงานที่ซีเรีย (และยังให้ไปมีแฟนใหม่อีก) ความเป็นครอบครัวเลยพร่องมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งปมรักระหว่างทีซีกับจอร์แดนนี่ลืมได้เลยครับ (ก็พระเอก-นางเอกอยู่คนละประเทศกันนี่หน่า)

ปี 4 นี่เป็นปีที่ถูกวิจารณ์หนักมากจนผมก็แอบกลัวนะ แต่ขณะเดียวกันก็แอบเผื่อใจไม่คาดหวัง คงเพราะอย่างนั้นเลยทำให้พอได้ดูเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่รู้สึกแย่ดังที่คาด แต่ว่าความเป็นครอบครัวของทีมหมอในวอร์ดมันพร่องลง สถานการณ์ในวอร์ดก็ดูเข้มข้นน้อยลง ทั้งๆ ที่บางสถานการณ์มันดูใหญ่กว่า อย่างการที่วอร์ดโดนแฮ็กเกอร์โจมตีหรือมีนักโทษหนีการจับกุมในโรงพยาบาล แต่สถานการณ์พวกนี้กลับไม่ดูน่าสนใจเท่าปีก่อนๆ น่ะครับ (เหมือนใหญ่แต่ภาพ ทว่าเนื้อในกลับไม่ออกรสเท่าที่ควร)

สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกเกี่ยวกับซีรี่ส์นี้ระหว่างที่ดูก็คือ ผมรู้สึกว่าซีรี่ส์มันพยายามค้นหาตัวเองอยู่เรื่อยๆ น่ะครับ ว่าง่ายๆ เลยคือแม้หลายๆ อย่างจะลงสูตรสำเร็จ แต่ก็ดูเหมือนทีมงานยังไม่ชัดเจนในทิศทางของหลายๆ อย่าง เช่นตัวละครที่บางทีบุคลิกก็เปลี่ยนไปมาหรือไม่ก็ปรุงคาแรคเตอร์ให้ก่อปัญหามากกว่าจะก่อปัญญา เช่นนายทีซี พระเอกของเรื่องเป็นต้นครับ รายนี้ยิ่งปีหลังๆ นี่สร้างปัญหาอยู่เรื่อยๆ จนรู้สึกตะหงิดในใจเลย

หรือทิศทางของเรื่องที่ตอน 2 ปีแรกก็แบบหนึ่ง พอมาปี 3 ก็ํเหมือนจะเปลี่ยนทิศไปนิดหนึ่ง ครั้นพอถึงปี 4 นี่เปลี่ยนไปเยอะเลย เหมือนทีมผู้เขียนบทยังไม่เจอทิศทางที่ชัดน่ะครับ เลยทำให้ซีรี่ส์นี้ยังไม่สุด (ไม่เหมือน ER ที่หลายอย่างชัด ทิศทางชัด ตัวละครชัด)

เอาเป็นว่าโดยรวมๆ แล้วถือเป็นซีรี่ส์คุณหมอที่โอเคนะครับ ดูเพลินดี หลายอย่างถือว่าอร่อย แต่ก็ไม่ถึงกับสุด ผมว่าถ้าทิศทางกับรายละเอียดบางอย่างมันชัดเจนมั่นคงกว่านี้ก็คงดีน่ะครับ คิดว่าคงมีคนติดกันเยอะแน่ แต่เท่าที่เป็นนี่คือเรตติ้งลดลงทุกซีซั่นจนในที่สุดก็ถูกเลิกสร้างไปตอนจบปีที่ 4

แต่อย่างน้อยตอนจบปี 4 ก็ลงเอยเรื่องราวได้โอเคครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นทีมงานรู้หรือยังว่าซีรี่ส์นี้จะไม่ได้ไปต่อ แต่ก็เดาว่าถึงไม่รู้ก็คงมีรู้สึกกันบ้างน่ะครับว่าน่าจะต้องจบแค่ปี 4 แน่ๆ เลยมีการทำเรื่องราวแลนดิ้งไว้ในตอนจบของปี 4

อาจไม่สุดยอด แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลว

สองดาวครึ่งได้ครับ

Star22

(7/10)