Wet Season – ห้ามไม่ไหว หัวใจมันรักครู

 Wet Season – ห้ามไม่ไหว หัวใจมันรักครู
— 5/10 —
ถึงจะโปรยเป็นหนังรัก แต่ไม่ได้เน้นหนักขนาดนั้น
ไม่ชัดเจน คลุมเครือ และเล่าได้น่าเบื่อไปหน่อย

Wet Season คือเรื่องราวที่พาเราไปพบเจอกับเรื่องราวของตัวละครที่ชื่อว่า หลิง ครูสอนภาษาจีนโรงเรียนมัธยมปลายที่เดินทางจากมาเลเซียมาใช้ชีวิตในสิงคโปร์ แต่งงานกับสามีชาวสิงคโปร์ แต่ทว่าชีวิตสมรสไม่ค่อยดีนัก มีความระหองระแหงกับสามี เพราะตัวเธอไม่สามารถมีลูกได้ แถมเธอยังต้องคอยดูแลพ่อสามีด้วย จนการเข้ามาปรากฏตัวของ เหวยลุ่น นักเรียนในชั้นของเธอ ที่ทำให้ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไป

ถึงแม้ใบปิด ตัวอย่าง จะชวนให้คิดไปว่านี่คือเรื่องราวความรักต่างวัยของนักเรียนและครู แต่จริงๆ หนังไม่ได้เน้นนำเสนอแง่นั้นอย่างจังๆ หนังเล่าอะไรที่มากกว่านั้น การดิ้นรน การสู้ชีวิตของผู้หญิงจากบ้านที่มาเลเซียเดินทางมาหาความหวังสุดท้ายที่สิงคโปร์ มันคือการสำรวจตัวละครมากกว่าการนำเสนอความรัก

พาร์ทเรื่องราวความรักระหว่างครูกับนักเรียน หนังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนทางด้านความรู้สึกของทั้งคู่ ว่าจริงๆ อีกฝ่ายรู้สึกยังไงกันแน่ ฝ่ายชายอาจจะดูชัดเจน แต่ยังรู้สึกไม่จริง ในแง่คำว่ารัก ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่ชัดเจนและคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด แต่ละจุดของการตัดสินใจมาจากอะไร มันก็ยังไม่เพียงพอให้คิดได้ว่ามันคือความรักจริงๆ มันจึงย้อนกลับไปคิด ถึงแม้ว่าหนังจะชื่อไทยว่า ห้ามไม่ไหว หัวใจมันรักครู แต่จนจบเรื่องตัวเราเองก็ยังไม่กล้าฟันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นมันเรียกว่า “รัก” จริงๆ หรอ?

รวมถึงความรักที่มีต่อพ่อที่เป็นกึ่งอัมพาทของพระเอกเองก็ตาม การที่ตัวหลิงพยายามดูแล นั่นเพราะ “รัก” จริงๆ หรือเพราะอะไรกันแน่ เพราะยังมีบางฉากที่รู้สึกว่ามันไม่น่าเรียกว่ารักหรือเต็มใจจะดูแล

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามันไม่ได้นำเสนอเรื่องราวความรักอย่างเดียว หนังสะท้อนประเด็น การศึกษาของสิงคโปร์เอาไว้เล็กๆ ว่าโรงเรียนจะเน้นสอนในสิ่งที่ประเมิณแล้วออกมาดูดี เน้นแค่วิชาสำคัญๆ วิชาไหนไม่สำคัญก็ขอแค่ให้ขอไปที สอบๆ ให้ผ่านๆ ไป เพราะมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลการประเมิณของโรงเรียนแต่อย่างใด

และทั้งหมดนั้นมันก็ถูกนำเสนอออกมาในรูปแบบที่เฉื่อย เนือย และเบาไปสักหน่อย หนังดำเนินเรื่องช้าๆ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปกับตัวละคร แต่สิ่งที่ชัดเจนมากๆ คือชื่อหนังอีกนั่นแหละ Wet Season ใช้หน้าฝนสื่ออารมณ์ได้ชัดเจน นี่คือฤดูฝนที่หลิงต้องเปียกปอน เปรียบเสมือนการเผชิญมรสุมชีวิตอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เธอจะพยายามประคับประคองและปกป้อง หลีกเลี่ยงมาโดยตลอด (กางร่ม) แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับบางสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมเปียกปอนไปทั้งกาย (ซีนตากฝน) ซึ่งนั้นคือซีนเดียวที่เห็นเธอตากฝน…

การแสดงของนักแสดงในเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ไม่ว่าจะฝ่ายเด็กชาย เหวยลุ่น (Jia Ler Koh) ที่แสดงออกมาได้ดูจริง โดยเฉพาะผู้ที่รับบทเป็น หลิง (Yann Yann Yeo) ทั้งบทพูด ซีนอารมณ์ และสีหน้าของเธอ ที่บ่งบอกแต่ละห้วงความรู้สึกได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเคมีของทั้งสองถ่ายทอดออกมาได้ดีจริงๆ

แต่น่าเสียดาย ที่ภาพรวมของหนังมันเนือยและเบาเกินไป แถมหนังยังไม่ได้ให้ความชัดเจนกับความรู้สึกของตัวละคร จนไม่สามารถทำให้เราอินตามได้สักพาร์ทเลย

หากใครคาดหวังจะไปดูหนังความรักต้องห้าม (ที่ไม่เข้าใจทำไมถึงเรียกว่ารักต้องห้าม) อาจจะต้องผิดหวังสักหน่อย หนังมันน่าเบื่อกว่าที่คิดแหละ