รู้ไหมครับยามที่ผมนึกถึงพี่ Nicolas Cage ผมจะนึกถึงอีกชื่อหนึ่งคู่กันขึ้นมา ก็คือ Cuba Gooding Jr. นั่นเอง ที่นึกคู่กันก็เพราะชะตากรรมหลายๆ อย่างของพวกพี่เขาเป็นไปในทางเดียวกันครับ ไม่ว่าจะเป็นดาราที่มีฝีมือ เคยได้ออสการ์มาครอง เคยดังอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเขาก็กลายเป็นดารานำในหนังเกรดรองไปแล้ว
สำหรับ Wrong Turn at Tahoe ก็ไม่ใช่หนังที่ดังอะไรมากครับ ว่าตรงๆ คือเป็นหนังลงแผ่น แต่ที่ผมเลือกดูนั้นก็เพราะคิดถึง Gooding Jr. ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนคือได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ย่ำแย่เลวร้ายอะไร
หนังมีลูกเล่นตั้งแต่ชื่อเรื่องครับ ที่ชื่อว่า Wrong Turn at Tahoe อ่านเผินๆ อาจหมายความว่า ตัวละครเลี้ยวผิดที่ทะเลสาบทาโฮ แต่เอาเข้าจริง “ทาโฮ” ในหนังเรื่องนี้หมายถึงตัวละครหนึ่งครับ และตัวละครนี้ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ โจชัว (Gooding Jr.) มือขวาของเจ้าพ่อวินเซนต์ (Miguel Ferrer) ต้องเจอกับเหตุการณ์นรกแตกในชั่วข้ามคืน
ตัวหนังไม่ได้เด็ดอะไรมากครับ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ไก่กาซะทีเดียว อย่างแรกที่ต้องชมคือดาราในเรื่องนี่ถือว่าคัดของดีมาครับ นอกจาก Gooding Jr. แล้วก็ยังมี Ferrer กับ Harvey Keitel แต่ละคนล้วนเป็นดารายอดฝีมือที่อาจจะพ้นยุคสมัยของพวกเขาไปแล้ว แต่ลีลาการแสดงยังไว้ใจได้ครับ
ตัวบทก็เหมือนกันครับ อาจไม่ได้ยอดเยี่ยมเข้มข้น แต่ก็ถือว่ามีทิศทาง เป็นการพาเราไปรู้จักกับโลกของอาชญากร โลกของเจ้าพ่อ โลกของผู้มีอิทธิพล อันเป็นโลกที่หากใครหลวมตัวเข้าไปแล้วก็ยากจะก้าวออกมาได้ และการจะเอาตัวรอดให้พ้นไปในแต่ละวันนั้น บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
หนังเดินเรื่องแบบง่ายๆ ครับ ไปๆ เรื่อยๆ ในแบบที่หากท่านไม่ใช่คอหนังดราม่าอาชญากรรมก็อาจจะเบื่อเอาได้ อ้อ ต้องบอกก่อนครับว่าหนังไม่ได้เน้นแอ็กชันนะ คือกว่าจะมีแอ็กชันก็ปาไปตอนท้ายแล้วน่ะครับ ซึ่งก็ถือว่าโอเค เอาสนุกได้อยู่สำหรับแอ็กชันในช่วงไคลแม็กซ์น่ะนะครับ แต่ระหว่างทางตั้งแต่ต้นไปจนเกือบจบนั้น หนังถือว่ามาแนวดราม่าเป็นหลัก ไม่ได้มีอะไรเข้มข้นหรือชวนลุ้นสักเท่าไร
ผมนั้นดูเรื่องนี้แบบเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้ชอบอะไรหรอก แต่โอเคกับการแสดงของ 3 ดารานำ ที่แม้หนังจะเล็กๆ แต่การแสดงของพวกเขาก็ยังไว้ลาย จนอดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าบทหนังมีความเข้มข้นกว่านี้ หรือการกำกับเร่งเร้าระทึกใจมากกว่านี้ หนังอาจน่าสนใจมากขึ้น
อีกอย่างที่รู้สึกว่าโอเคคือบทสนทนาครับ รู้สึกเลยว่าคนเขียนบทตั้งใจในส่วนนี้พอสมควร เวลาตัวละครเจรจาพูดจาโต้ตอบแต่ละที รู้สึกเลยว่าไม่ได้เขียนแบบขอไปที การพูดมีชั้นเชิง มีสื่อแทรกวามนัย หรือไม่ก็อะไรแทรกให้คิด แม้จะไม่ถึงกับลึกซึ้ง แต่ก็ถือว่าไม่เลว ซึ่งบทก็เขียนโดย Eddie Nickerson ที่เขียนบทเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวครับ ยังไม่เห็นผลงานอื่นอีก ก็คาดว่าเขาคงตั้งใจพอสมควรในการเขียนหนังเรื่องนี้ขึ้นมา
หนังกำกับโดย Franck Khalfoun ที่เคยทำหนังระทึกในลานจอดรถอย่าง P2 มาก่อน กับเรื่องนี้ว่ากันตามคุณภาพแล้วก็ถือว่าพอๆ กัน ถ้าเทียบเรื่องนี้กับเรื่องนั้นก็ถือว่าโอเคกันคนละด้านครับ เรื่องนั้นจะเด่นที่ความระทึก ในขณะที่เรื่องนี้เด่นเรื่องการแสดง แต่หักกลบลบแล้วก็ออกมาพอๆ กันครับ คือไม่ได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ดูได้ ไม่ได้ย่ำแย่
ก็ไม่ใช่หนังที่ “ต้องดู” แต่อย่างใดครับ แต่เหมาะสำหรับคนที่ชอบ 3 ดารานำแล้วอยากตามไปให้กำลังใจพวกเขา หนังก็ไม่ถึงกับเสียเวลาในการดูครับ จริงๆ ออกมาโอนั่นแหละ บทก็ไม่เลว เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมมากมายเท่านั้นเอง
สองดาวครับ
(6/10)