นะโมOK (ฐิติพงศ์ ใช้สติ / Thailand / 2014) มันต่างกับหนังอย่างหลวงพี่เท่ง หรือ หลวงพี่ผีขนุน มากอยู่นะ(สองเรื่องที่ว่ามานี้ไม่ได้ดูนานละแต่จำได้ว่าชอบเพราะมันดูสนุก) เพราะเรื่องนี้มันเล่นศีลธรรมสั่งสอนกันเยอะแยะมากมายผสมการล้อเล่นกับวินัยพระมากไปกว่าคำพูดกิริยาอาการเพื่อความตลก คือมันมีท่าทีที่สร้างสถานการณ์เพื่อให้พระอาบัติ อย่างเช่น พระพูดหยาบ พูดโกหก ถุยอาหารลงบาตร ให้พระผู้น้อยเดินนำบิณฑบาต มดกัดไข่พระ พระถูกหาว่าทำโยมท้อง สีกากรี๊ดขวยเขินพระ (แน่นอนว่าสีกานอกจอก็กรี๊ดพระฝรั่งกล้ามโตจนนมโผล่นอกอังสะ)เณรเก๊ เณรเกย์ พวกนี้เนี่ยถึงจะทำเอาฮาเสียส่วนใหญ่และไม่ว่าจะคิดมาเพื่อสะท้อนความคิดหรือเพื่อแค่ตลกโปกฮาพาสนุกแต่มันกล้าเล่นดีน่ะ แล้วการแก้ตัวด้วยการให้ตัวละครพระปลงอาบัติ…แบบไม่เป็นไรผิดวินัยนิดๆ หน่อยๆ ก็ปลงอาบัติได้กลับมาผ่องใสเหมือนเดิม…ซึ่งชอบท่าทีเสียดสีตรงนี้ถึงมันจะตั้งใจจะใช่หรือไม่ใช่ตามที่คิดแต่ในฐานะที่มันเป็นหนังกระแสหลักมันก็ถือว่ากล้าวัดใจเซ็นเซอร์ดีน่ะ ขนาดว่าหนังบางฉากถูกหั่นเพราะล่อแหลมแล้วหนังที่เหลือรอดมาให้ดูก็สะท้อนวุฒิภาวะของคนกองเซ็นเซอร์ได้น่าคิดดี ซึ่งมันย้อนแย้งดีทั้งในจอและนอกจอ… ถึงมันจะจบครบถ้วนกระบวนธรรมธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใช่วัตถุ ชะล้างสถาบันครอบครัวมาเฟียให้เข้าวัด และเจียระไนนักฆ่าฝรั่งให้เป็นพระสำเร็จเสร็จสิ้นง่ายๆ แต่มันมีเส้นเรื่องของเด็กมัธยมเพื่อนสนิทกันสองคนที่เห็นข่าวเณรขำ(ล้อเณรคำ)ก็เลยชวนกันมาบวชเณรเพื่อหาเงินไปหลอกสาวว่าบ้านรวยซึ่งเพื่อนคนหนึ่งจีบผ่านออนไลน์อยู่ แต่สุดท้ายก็โดนต้มซะเองหลังหนีออกจากวัดเปลี่ยนชุดไปหาสาวแล้วถูกสาวขโมยของแก้ผ้าให้ล่อนจ้อน แล้วดันถูกเณรเพื่อนชายสารภาพรักอีก แต่พระฝรั่งก็สอนให้ยังรักกันเป็นเพื่อน แล้วกลับมาจบที่ฉากนุ่งจีวรเข้ากุฏินอนเสื่อผืนเดียวกัน(จนในโรงมีเสียงวี้ดว้ายขำขันดังขึ้น) ซึ่งถึงมันจะสอนมิตรภาพด้วยหลักธรรมคำสอนให้ยอมรับง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันก็ให้เห็นภาพก้ำกึ่งว่าผิดหรือถูกระหว่างเณรเก๊กับเณรเกย์ที่จบแบบสองแง่สองง่ามหลังจากเปลื้องจีวรหนีออกวัดไปหาสาวและกลับมาห่มจีวรเดินเข้าวัดนอนกุฏิข้างๆกันฉัน(รัก)เพื่อนซึ่งทำให้เกิดจุดน่าสนใจที่สุดในเรื่องขึ้นมา นอกเหนือจากนั้น D งามจริงๆ