เกมการแข่งขันระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพนกขมิ้น นอริช เปิดสนาม แคร์โรว์ โร้ด ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22 นัดแรก เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น นอริช ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย บิลลี่ กิลมอร์ กองกลางที่ยืมตัวมาจากเชลซี ท็อดด์ แคนท์เวลล์ ตัวทำเกมริมเส้น และ ตีมู ปุ๊กกี้ ดาวยิงตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค เซ็นเตอร์แบ็คตัวเก่งที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ด และ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม
นาที 9
เริ่มเกมมา ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างดุเดือดทันที และเป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส แบ็คซ้ายตัวใหม่ ดันสูงขึ้นมา กระชากหลุดมาถึงกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะบรรจงเปิดบอลพุ่งโค้งไปที่หน้าประตูให้ ดีโอโก้ โชต้า กำลังจะได้ชาร์จจ่อ ๆ อยู่แล้ว แต่เป็น เบน กิ๊บสัน ตามมาสไลด์ตัดบอล เคลียร์ทิ้งเหินข้ามคานออกไป ได้เป็นเตะมุม
นาที 10
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะต่อเนื่องได้เตะมุมทางฝั่งขวา เปิดโด่งเข้าไปแล้วถูกเคลียร์ออกมา บอลลอยออกมาที่มุมกรอบเขตโทษด้านขวาเข้าทาง นาบี เกอิต้า ได้ตั้งป้อมบรรจงหยอดบอลเข้าไปที่ตรงกลางประตู แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า วิ่งโฉบมาโหม่งสะบัดเน้น ๆ บอลเกือบจะมุดใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ยังโดน ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาพุ่งไปปัดเสยข้ามคานไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 17
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาได้ลุ้นประตูอีกครั้ง เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ได้บอลบริเวณกรอบเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวเห็นช่องแล้วหักเลียดเข้าไปในเขตโทษที่หน้าเสาแรกให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ล็อกหลบ บิลลี่ กิลมอร์ เข้าเหลี่ยมเท้าขวา ก่อนจะซัดเน้น ๆ เต็มข้อยัดมุมแคบไปตรงตัวของ ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนคุมเสาอยู่พอดี รับเอาไว้ได้ทัน
นาที 19
เจ้าถิ่น นอริช ตอบโต้ขึ้นมาได้ลุ้นบ้าง จังหวะนี้ ท็อดด์ แคนท์เวลล์ เดินเกมมาทางกราบขวา ก่อนจะตักบอลข้ามแนวรับให้ ตีมู ปุ๊กกี้ วิ่งสอดตัดหลังแนวรับ ทำลายกับดักล้ำหน้า หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ได้ก้มหน้ากดเน้น ๆ ด้วยขวา ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที บอลพุ่งแรงเข้ากรอบ แต่ก็ยังไม่ผ่านมือของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนปิดมุมอยู่แล้ว ปัดออกหลังไปได้ทัน
นาที 20
เจ้าถิ่น นอริช ได้จบอีกครั้ง เป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา แต่ไม่ได้ลุ้นอะไร บอลเลยมากรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วเป็น บิลลี่ กิลมอร์ ที่เก็บได้ เจ้าตัวโชว์ความพลิ้วเลี้ยงหนี อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอเลน ทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะปั่นด้วยขวาเน้น ๆ บอลพุ่งแรงโค้งสวยและเข้ากรอบ แต่ดันไปตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับไว้ได้สบาย
นาที 23
ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล บุกลุยขึ้นมาทางซ้ายที่ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ไหลขนานเส้นต่อมาให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกบอลได้สวย หลุดไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะครอสไปที่หน้าเสาสองให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้วอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ ย้อนศรเล่นทางไปที่เสาแรก บอลพุ่งแรงแล้วมุดลง เฉียดเสาซ้ายมือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 26 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 !!! เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จ่ายบอลเลียดยัดมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทว่าเจ้าตัวจับบอลไม่อยู่แต่กลายเป็นดี บอลทะลักเข้าไปในเขตโทษหน้าเสาแรกขวามือเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า ได้วิ่งสอดมาซัดด้วยขวาโล่ง ๆ ตามน้ำ พุ่งแรงกระดอนพื้นสวนตัว ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่มีพลาด
นาที 34
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย คอนสแตนตินอส ซิมิกาส เปิดบอลโค้งไปที่กลางประตูแล้วโดนโหม่งสกัดออกมา บอลลอยออกมาหน้าเขตโทษเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้วิ่งมาหวดด้วยซ้ายแบบไม่จับ บอลพุ่งแรงไปติดบล็อกของแนวรับเจ้าถิ่นที่หน้าปากประตู กระดอนไปที่หน้าเสาขวามือเข้าทาง โฌเอล มาติป ได้แปด้วยซ้ายโล่ง ๆ ซ้ำกลับเข้าไป แต่เป็น ปิแอร์ ลีส์-เมลู ตามมาขวางสกัดทิ้งออกหลังไปได้ทันหวุดหวิด
นาที 35
จังหวะต่อเนื่องนาทีต่อมา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลโด่งเข้าไปตรงกลางเขตโทษ บอลลอยมาเข้าทาง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้วอลเลย์ด้วยขวา บอลกระเด้งลงพื้น ลอยเหินคานไป หลุดกรอบออกไปแบบได้เสียว
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้มากกว่า เกมรุกก็ดูวูบวาบน่ากลัวกว่าอยู่พอสมควร ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น นอริช แม้จะโดนนำไปก่อนแล้ว แต่ถือว่ายังไม่เสียทรง บุกแลกขึ้นมาได้ลุ้นอยู่บ้างเหมือนกัน ถือว่าเกมสนุก สกอร์เป็นหงส์แดง ที่บุกมานำอยู่ 1-0 !!!
นาที 48
เปิดฉากครึ่งหลังมาปุ๊ป เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่บุกเข้าใส่เจ้าถิ่นเลยทันที จังหวะนี้ นาบี เกอิต้า งัดบอลข้ามแนวรับให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ได้หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาปาดเลียดไปที่เสาไกลให้ ซาดิโอ มาเน่ วิ่งสอดมาวางเท้าแปด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับ ยัดไปที่เสาใกล้ซ้ายมือทันที แต่บอลโดน เบน กิ๊บสัน กองหลังเจ้าถิ่น บล็อกเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด ไม่งั้นมีเฮแน่นอน
นาที 53
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้ที่กลางสนามฝั่งซ้าย แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า โชว์ความพลิ้ว โซโล่เดี่ยวเลี้ยงหลบผู้เล่นเจ้าถิ่นสองสามคน หลุดขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษตรงกลาง ก่อนจะโดน ท็อดด์ แคนท์เวลล์ วิ่งตามมารวบจากด้านหลังล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกฟรีคิกพร้อมแจกใบเหลือง แล้วเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อาสาทำหน้าที่ วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง แต่บอลพุ่งแรงโค้งเฉียดเสาแรกซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแบบน่าหวาดเสียว
นาที 60
เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่เริ่มเขยิบม้านั่งสำรอง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหนวดเฟิ้ม เปลี่ยนตัวผู้เล่นสองคนรวด โดยส่ง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าฟอลไนส์ ลงมาครองบอลในแดนหน้า และส่ง ฟาบินโญ่ กองกลางตัวรับ แข้งบราซิเลี่ยนอีกคน ลงมาคุมจังหวะในแดนกลาง ซึ่งทั้งคู่ถูกส่งลงสนามไปเล่นแทนที่ของ ดีโอโก้ โชต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอเลน ตามตำแหน่งเดิม
นาที 63
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา พาบอลขึ้นมาทางขวา ก่อนจะหักเข้ากลางมาที่หัวกระโหลกให้ ซาดิโอ มาเน่ พลิกบอลแล้วไหลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ที่เติมเกมสูงหุบเข้ามา ได้วิ่งสอดมากดด้วยซ้ายเต็ม ๆ ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกแบบไม่จับ ทว่า ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยืนคุมเสาอยู่แล้ว ล้มตัวรับเข้าซองไว้ได้ทัน
นาที 65 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะต่อบอลกันขึ้นมาได้สวย เริ่มที่ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ตัดบอลได้ทางซ้าย ไหลต่อขึ้นหน้ามาให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ พาบอลขึ้นมาแล้วจ่ายเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้ลากจี้มาถึงหัวกระโหลก โยกหลบกองหลังไปหนึ่ง ก่อนจะซัดเร็วด้วยขวาไปติดบล็อก แกรนท์ ฮันลี่ย์ บอลกระดอนไปเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวปาดเลียดมาหน้าประตูถวายพานให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้วิ่งมาซัดด้วยขวาโล่ง ๆ สวนตัว ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก
นาที 69
เจ้าถิ่น นอริช ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ทำพลาดโดนแย่งบอลไปได้ แล้วเป็น มิลอต ราชิช่า ได้ลากจี้ขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจะไหลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษให้ ลูคัส รุปป์ ได้แต่วหนึ่งที แล้ววางเท้าซัดด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรง แต่ทิศทางยังไม่ดีพอ เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 74 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย คอนสแตนตินอส ซิมิกาส เจ้าเก่า เปิดบอลโด่งเข้าไปตรงกลาง แล้วเป็น เบน กิ๊บ กองหลังเจ้าถิ่นที่โหม่งสกัดไม่ดี บอลลอยออกมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บริเวณหัวกระโหลก ได้แต่งเข้าเขตโทษ ก่อนจะปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งแหวกบล็อกแล้วโค้งหนีมือ ทิม ครูล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 79
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เปิดบอมบ์โด่งเข้าไปลุ้นที่กลางประตู เกิดจังหวะชุลมุน บอลเลยมาที่เสาสองเข้าทาง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้ไหลสั้น ๆ เข้ากลางตั้งให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ เหินข้ามคานออกไป แบบน่าผิดหวังสุด ๆ
นาที 87
เจ้าถิ่น นอริช เกือบได้ลุ้นประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะ บอมบ์โด่งเข้าเขตโทษ บอลขลุกขลิกมาเข้าทาง เบน กิ๊บสัน ได้ซัดจ่อ ๆ ที่หน้าปากประตู ระยะไม่ถึง 6 หลา แต่บอลไม่หนีตัวเท่าไหร่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยังยืนตำแหน่งได้ดี โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวามาบล็อกไว้ได้ทันอย่างเหลือเชื่อ
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่บุกมาเอาชนะเจ้าถิ่น นอริช ไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 !!! เปิดฉากซีซั่นใหม่ไปได้อย่างสวยหรู กระโดดขึ้นมารั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน โดยสัปดาห์หน้าจะเปิดบ้านพบกับทีม เบิร์นลี่ย์ ในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านนอริช ร่วงมาอยู่รองบ๊วย นัดต่อไปต้องออกไปเยือนทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันเดียวกัน