ทอม ฮีตัน บอกว่าผลงานที่ดีของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานี้เป็นผลมาจากความเข้มงวดของ เอริค เทน ฮาก ด้วยการกำหนดระเบียบวินัยอันชัดเจน
นักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทราบแล้วว่าอะไรคือผลลัพธ์ของการไม่ทำตามกฏที่ เทน ฮาก กำหนด หลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด โดนลงโทษถูกดร็อปเป็นสำรองในนัดพบ วูลฟ์ส เพราะมาประชุมสาย
ฮีตัน เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเตะผู้นำของทีมที่ เทน ฮาก ตั้งขึ้่นมาเพื่อกวดขันเรื่องระเบียบวินัย และเขาก็เชื่อว่าสิ่งนั้นได้ส่งผลไปถึงฟอร์มในสนามของพวกเขาด้วย
“มุมมองส่วนตัวของผมคือสิ่งนั้นสร้างความแตกต่างได้จริงๆ พอมีบทลงโทษต่อนักเตะ, ในด้านวินัย, คุณก็รู้ว่าจะข้ามเส้นไม่ได้ ถ้าข้ามเส้นก็หลุดจากทีม” ฮีตัน บอก
“เขาส่งสาส์นอย่างชัดเจน, มีการขีดเส้นชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่ยอมรับได้และอะไรยอมรับไม่ได้ ความรับผิดชอบขึ้นอยู่กับทุกคน, ในด้านความเป็นมืออาชีพ, และเมื่อคุณข้ามเส้นที่ว่า, เขาก็จะรอผลักคุณกลับไปสู่จุดเดิม”
“ผมคิดว่าการตอบสนองของ มาร์คัส ในเกมเจอ วูลฟ์ส เป็นอะไรที่สุดยอดมากนะ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเดินหน้าไปในทิศทางนั้น สำหรับผมแล้ว, ใช่, มันส่งผลถึงฟอร์มในสนาม”
“เรามีบรรยากาศที่ดีมากๆในห้องแต่งตัว เรามีคนที่บุคลิคยอดเยี่ยมอยู่ในทีม, เป็นกลุ่มที่ดีและสนิทกัน มันดีขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่”
“มีแข้งพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมอยู่ในทีม, แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็คือมนุษย์และผมคิดว่าบางครั้งเราต่างต้องการคำพูดเบาๆ หรือไม่ก็คำพูดที่หนักๆในบางสถานการณ์”
“หวังว่าผมจะมอบสิ่งนั้นให้กับหลายคนในหลายช่วงเวลา และผมก็คาดหวังจะได้รับสิ่งนั้นกลับมาเหมือนกัน”
เมื่อพูดถึงกลุ่มนักเตะผู้นำของทีม, ฮีตัน บอกเพิ่มว่า “นั่นคือหนึ่งในหลายสิ่งที่เขาริเริ่ม ด้วยนักเตะ 5-6 คน แฮร์รี่ แมกไกวร์ เป็นกัปตัน, บรูโน่ แฟร์นานเดส เป็นรองกัปตัน, นักเตะซีเนียร์บางคนก็ได้มีส่วนร่วม”
“นั่นเป็นเรื่องของ เทน ฮาก กำหนดสิ่งที่เขาต้องการในช่วงเริ่มต้นมากกว่านะ เขาชัดเจนกับสาส์นที่ส่งออกมาและสิ่งที่เขาต้องการ เขาตรงไปตรงมามากๆ, ซึ่งเป็นเรื่องยอดเยี่ยมกับนักเตะ คุณรู้ว่าคุณอยู่ในจุดไหนและอะไรคือความรับผิดชอบของคุณ”
“ผมยังคิดว่าผลลัพธ์ของสิ่งนั้นคือความสำเร็จที่เรามีมากขึ้นเล็กน้อยจนถึงตอนนี้, ไม่มีใครเหลิง, ว่ากันไปทีละเกม แต่เมื่อผลการแข่งขันดีขึ้นและทุกสิ่งเคลื่อนที่ไปทีละนิด, ทุกคนก็ก้าวไปในทิศทางเดียวกันและผลักดันเพื่อสิ่งนั้นและต้องการสิ่งนั้น”
“ดังนั้นนั่นคือส่วนสำคัญ, จุดเด่นของเขาในการบอกว่าอะไรยอมรับได้และอะไรยอมรับไม่ได้ แล้วก็ยึดตามนั้นตลอดมา”