ราล์ฟ รังนิค ในฐานะที่ปรึกษา ยอมรับว่า เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนใหม่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องเจองานหนักแน่นอนกับการโน้มน้าวใจดึงผู้เล่นหลังแข่งขันลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี
การที่ยูไนเต็ด กำลังจะพลาดตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า มันจะส่งผลถึงงบประมาณเสริมทัพของกุนซือชาวดัตช์ และอาจเจองานที่หนักขึ้นถ้าต้องไปเปิดศึกล่าลายเซ็นนักเตะแข่งกับ 3 ทีมท็อปของลีก ที่มีกุนซือระดับแหล็กอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เยอร์เก้น คลอปป์ และโธมัส ทูเคิล ทำทีมอยู่
เมื่อถูกถามว่า ผู้เล่นระดับแนวหน้าจะยังต้องการย้ายมาเล่นให้สโมสรหรือไม่ รังนิค ตอบว่า
“ในฐานะสโมสร ในแง่ของกองเชียร์ สนาม คุณภาพของสนามซ้อม ผมต้องตอบว่า แน่นอน” รังนิค กล่าว
“แต่เราต้องอยู่บนความจริงด้วย ทันทีที่สโมสรอื่น อาทิ เชลซี, ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาเกี่ยวข้อง คุณต้องมีเหตุผลดีๆ ต้องมีใครสักคนมาอธิบายให้นักเตะเข้าใจ”
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมสิ่งที่เอริค คิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผมรู้เรื่องนี้จากช่วงเวลาของตัวเองกับไลป์ซิก และซัลซ์บวร์ก, ผมรู้จักเยอร์เก้นและโธมัส รู้ว่าถ้าพวกเขาต้องการนักเตะ พวกเขาจะจะพูดคุยกับนักเตะเอง เป๊ปก็เช่นเดียวกัน”
“พวกเขาจะชวนนักเตะด้วยตัวเอง มันคือการพูดคุยกับนักเตะเหล่านั้น ค้นหาเกี่ยวกับความคิดและคาแรคเตอร์ของพวกเขา ดูว่าพวกเขาเป็นนักเตะที่เหมาะสมกับสโมสรหรือไม่”
“ไม่ใช่แค่ระบุตัวผู้เล่นเหล่านั้น แต่ต้องมีการพบปะกับพวกเขาด้วย โน้มน้าวให้เขาย้ายมาร่วมทีม แม้ว่าจะไม่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม เห็นได้ชัดว่าสโมสรต้องการผู้เล่นใหม่จำนวนไม่น้อย”
“สำหรับผมสิ่งสำคัญคือสโมสรต้องระบุสิ่งที่ต้องการให้ทีมแมวมอง จากนั้นไปค้นหาผู้เล่นเหล่านั้นที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดให้กลับมาเป็นหนึ่งในยอดทีมอีกครั้ง”
นอกจากนี้ รังนิค ยังเชื่อว่าสโมสรควรมุ่งเน้นไปที่มองหาผู้เล่นที่มีศักยภาพในอนาคตมากกว่าดาวเด่น
“ในมุมมองของผม สโมสรควรพยายามตามหาผู้เล่นระดับท็อปที่จะเป็นสตาร์ในอนาคตและพัฒนาพวกเขา”
“ในทางกลับกัน ลองบอกผมถึง 5 นักเตะในแบบที่อาจเป็นผู้เล่นเหล่านั้นให้ฟังหน่อย”
“ฮาลันด์ เป็นผู้เล่นอายุน้อย เขาเพิ่งจะ 21 หรือ 22 ปี นี่ล่ะคือหนึ่งในผู้เล่นเหล่านั้นที่ผมหมายถึง”
“ในทางกลับกัน เขาพัฒนาอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในกองหน้าที่แพงที่สุดในโลก”
“ใช่ เขาเป็นหนึ่งในตัวอย่างเหล่านั้น เมื่อผมคิดว่าเราควรโฟกัสไปที่ความพยายามตามหาและโน้มน้าวใจผู้เล่นที่จะกลายมาเป็นนักเตะยูไนเต็ดในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”