เอฟเวอร์ตัน ยืนยันการแต่งตั้ง ฌอน ไดช์ เข้ารับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ด้วยสัญญาจนถึงปี 2025 พร้อมภารกิจแรกช่วยทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้น
ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน ไม่สู้ดีรั้งอันดับ 19 ของตารางโดยตามหลังโซนปลอดภัย 2 แต้ม แต่ก็หาชัยชนะไม่เจอมาตั้งแต่นัดเอาชนะ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม
พวกเขาเลยตัดสินใจปลด แฟรงค์ แลมพาร์ด ออกจากตำแหน่งและทีแรกหมายตาไปที่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ซึ่งว่างงานนับตั้งแต่ออกจากตำแหน่งกุนซือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน
นั่นทำให้ เอฟเวอร์ตัน หันไปเลือก ไดช์ ที่ว่างงานหลังถูกปลดพ้นตำแหน่งในเดือนเมษายนปีก่อน ให้หลังคุม เบิร์นลี่ย์ มาเป็นเวลา 9 ปีครึ่ง
“เป็นเกียรตินะที่ได้กลายเป็นกุนซือของ เอฟเวอร์ตัน สตาฟฟ์ของผมและผมพร้อมและกระสันที่จะช่วยให้สโมสรนี้กลับเข้าร่องเข้ารอย” ไดช์ ให้สัมภาษณ์
“ผมทราบถึงแฟนบอลของ เอฟเวอร์ตัน ที่เต็มไปด้วยแพสชั่นและเข้าใจว่าสโมสรนี้ล้ำค่ากับพวกเขาขนาดไหน เราพร้อมที่จะทำงานและพร้อมมอบในสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
“นั่นเริ่มต้นด้วยหยาดเหงื่อบนเสื้อ, ความพยายามและการกลับสู่พื้นฐานบางประการที่ เอฟเวอร์ตัน ยืนหยัดมาเป็นเวลานาน”
“เราอยากที่จะทำให้ความรู้สึกดีๆกลับมา เราต้องการแฟนบอล, ต้องการความสามัคคีและเราต้องการให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เริ่มต้นด้วยสตาฟฟ์และนักเตะ”
“เป้าหมายของเราคือการส่งทีมที่ทุ่มเท, ทีมที่สู้และสวมชุดแข่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ความสัมพันธ์กับแฟนบอลก็เติบโตได้อย่างรวดเร็วเพราะพวกเขามีแพสชั่นสูง”
“มีคุณภาพอยู่ในทีมนี้นะ แต่เราต้องทำให้พวกเขาเฉิดฉายออกมา นั่นคืองานของผมกับสตาฟฟ์ของผม”
“ต่อไปผมอยากปรับเปลี่ยนโครงร่างของสโมสร, ปรับสไตล์ของเรา, แต่ในแบบที่เราคว้าชัยชนะได้ นั่นคืองานตรงหน้าเรา, ทำให้แน่ใจว่าสร้างทีม, ในด้านแท็คติกและเทคนิค, ทำให้นักเตะเป็นระบบ, ปล่อยให้พวกเขามีอิสระในการเล่น, เอ็นจอยกับฟุตบอลของพวกเขาเพราะเป็นเรื่องเยี่ยมเมื่อพวกเขาเล่นด้วยรอยยิ้ม, แต่เราต้องคว้าชัยชนะ”
ไดช์ เริ่มต้นเส้นทางอาชีพด้วยการเป็นโค้ชกับ วัตฟอร์ด และไต่เต้าจากชุดยู-18 ขึ้นมาจนถึงชุดใหญ่ ก่อนย้ายมาสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการคุม เบิร์นลี่ย์
เขาพาให้ทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกสำเร็จ อีกทั้งเคยพาทีมจบอันดับ 7 ในฤดูกาล 2017/18 ได้ไปเล่นฟุตบอลยูโรป้าลีกรอบคัดเลือก แต่ก็ต้องออกจากตำแหน่งไปหลังผลงานไม่ดีในซีซั่นที่แล้ว