ซาล่าห์แฮตทริก!! พาทัพหงส์แดง “ลิเวอร์พูล” บุกมาสอนบอล “แมนยู” ไปได้ถึงถิ่น 5-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 9 เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นศึกวันแดงเดือด

เกมนี้ เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังจอมแกร่ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพลย์เมกเกอร์จอมถล่มประตู และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้าตัวเทพของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกกึ่งกองหน้าตัวจี๊ด และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ศูนย์หน้าฟอลส์ไนน์ตัวเชื่อมเกม

นาที 3

เปิดฉากมาเป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่งเร็วมาตรงกลางให้ เมสัน กรีนวู้ด ไหลตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลากไปตะบันด้วยขวาเน้น ๆ แบบไร้ตัวประกบ ส่งบอลเหินข้ามคาน ทำเสียของไปแบบเหลือเชื่อ

นาที 5 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว แนวรับปีศาจแดงอย่างรวน โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลากจี้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะไหลนิ่ม ๆ ไปยังหัวกระโหลกถวายพานให้ นาบี เกอิต้า แตะบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปแปด้วยขวาเน้น ๆ โล่ง ๆ ที่บริเวณจุดโทษสวนตัว ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 7

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่างอย่างรวดเร็ว จากจังหวะ นาบี เกอิต้า ดักบอลได้ที่หน้าเขตโทษเจ้าถิ่น ก่อนจะจ่ายเร็วยัดเข้าไปในเขตโทษต่อให้ โรแบร์โต้  ฟีร์มิโน่ แต่เหมือนจะแรงไปหน่อย ทำให้ศูนย์หน้าฟันขาวต้องแหย่ฝืนยิงด้วยซ้าย ส่งบอลพุ่งไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น อย่างน่าเสียดาย

นาที 10

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เฟร็ด ไปแย่งบอลจาก นาบี เกอิต้า ได้ตรงกลางสนาม แล้วเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด กระชากแหวกคู่แข่งขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะตวัดยิงเร็วด้วยขวานอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้น เฉี่ยวเสาแรกซ้ายมือ หลุดออกหลังไป แบบได้เสียว

นาที 14 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! จากจังหวะเริ่มที่ความผิดพลาดของแนวรับเจ้าถิ่น ลุค ชอว์ ไปชนกับ แฮร์รี่ แม็กไกว์ ในจังหวะเคลียร์บอลที่หน้าเขตโทษกระฉอกมาเข้าทาง นาบี เกอิต้า ตวัดไหลเร็วเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ สอดมาปาดเลียดไปที่เสาไกลถวายพานให้ ดีโอโก้ โชต้า ปรี่มาสไลด์เข้าฮอสจ่อ ๆ ระยะเผาขน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 21

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามตั้งเกมบุกขึ้นมาใหม่ จังหวะนี้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ไหลบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย ลุค ชอว์ ที่เติมเกมสูงขึ้นมา ได้ขอลองส่องไกลด้วยซ้ายเต็มข้อนอกกรอบ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงหนีมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ลอยถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว

นาที 25

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ นักเตะสารพัดประโยชน์ มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อขาซ้าย สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหว เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือคนเก่ง ต้องถอดเจ้าตัวไปให้แพทย์ดูอาการ แล้วจัดการส่ง เคอร์ติส โจนส์ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง ลงสนามมาเสียบแทน

นาที 29

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จ่ายบอลยัดมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ เมสัน กรีนวู้ด ได้พลิกบอล ก่อนจะตะบันด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว เดือดร้อนถึง อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ต้องออกแรงเซฟ ผวาพุ่งไปปัดทิ้งออกหลังได้ทัน

นาที 32 

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ มาร์คัส แรชฟอร์ด แจกส้ม ส่งบอลคืนหลังพลาดจากกลางสนามไม่ดูให้ดี แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้หลุดเดี่ยวลากบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะได้พลิกยิงยัดมุมแคบไปติดหน้าอกของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ออกมาปิดมุมได้ไว กางแขนกางขา บล็อกบอลช่วยทีมเอาไว้ได้ทัน

นาที 37

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลำเลียงบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เบิ้ลแทงบอลเร็วจังหวะเดียวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้วิ่งสอดหลุดไปยิงเร็วตามน้ำแบบไม่จับ ทว่าโดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บอลเบาแถมตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 38 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! จากจังหวะต่อบอลกันไปมาที่หน้าเขตของเจ้าถิ่น แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า ไหลบอลสั้น ๆ มาที่หัวกระโหลกตั้งให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งมาหวดด้วยซ้ายไปแฉลบบล็อก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ บอลกระฉอกไปเข้าทาง นาบี เกอิต้า โล่ง ๆ ในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวปาดเลียดจังหวะเดียวถวายพานมาที่หน้าเสาแรกให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เจ้าเก่า วิ่งโฉบมาแปด้วยขวาจ่อ ๆ สวนตัว ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย โดยดาวยิงทีมชาติอียิปต์ สร้างสถิติใหม่ กลายเป็นคนแรกที่ยิงได้ในโรงละครแห่งความฝัน สามนัดติดต่อกัน

นาที 45+1

เกมต้องหยุดชะงักไปพักใหญ่ ๆ เมื่อมีการชุลมุนกระทบกระทั่งกันอย่างดุเดือดจากทั้งสองฝ่าย เป็นจังหวะ เคอร์ติส โจนส์ บังบอลที่สุดเส้นหลัง แล้วเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ตบะแตก ออกลูกเกเร ไปหวดคู่แข่งจนล้ม ก่อนจะมีลูกแถมไปเตะบอลอัดใส่คู่กรณีที่ล้มคร่อมบอลอยู่อย่างน่าเกลียด นักเตะลิเวอร์พูลปรี่มาจะเอาเรื่อง ยังดีที่ ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ รีบห้ามปราบ แล้วแจกใบเหลืองให้ดาวยิงโปรตุกิส อย่างรวดเร็ว

นาที 45+5 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้บวกสกอร์เพิ่มก่อนหมดเวลาครึ่งแรกเป็น 4-0 !!! จากจังหวะ ชุลมุนขลุกขลิกหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วเป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน จ่ายตามช่องเร็วมาที่กลางประตูให้ ดีโอโก้ โชต้า สอดมาป้ายบอลสั้น ๆ ไปที่หน้าเสาไกลถวายพานให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้กางมุ้งวางเท้าแปด้วยซ้ายโล่ง ๆ ส่งบอลเบียดเสาขวามือเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้มากกว่า รูปเกมก็เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายขึงเกมรุกบุกใส่เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่แทบจะฝั่งเดียว ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนแล้วถึงสี่ลูก สกอร์ตอนนี้ แมนยู 0 ลิเวอร์พูล 4 !!!

นาที 46

เริ่มครึ่งหลังมา โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือหน้าเด็ก ของทางฝั่งเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แก้เกมด้วยการส่ง ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ห้องเครื่องจอมลีลา ลงสนามมาสร้างสรรค์เกมในแดนกลางแทนที่ของ เมสัน กรีนวู้ด ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก ต้องไปอาบน้ำก่อนเพื่อน

นาที 49 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูเพิ่มอีกเป็น 5-0 !!! จากจังหวะ ปอล ป็อกบา เล่นบอลเชื่องช้าโดนรุมแย่งตรงกลางสนาม แล้วเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ดีดบอลไซด์ก้อยทะลุช่องคิลเลอร์พาสสุดงามให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้ลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะจิ้มด้วยซ้ายนิ่ม ๆ สวนตัว ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก ที่ทำแฮตทริกใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกด้วย

นาที 52 VAR!!!

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ดันสูงขึ้นมา วางบอลยาวจากวงกลมกลางสนาม ลอยโด่งข้ามแนวรับเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้หลุดไปเกี่ยวบอลลง ก่อนจะโยกหนี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ตัดเข้าในแล้วซัดด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกล เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทว่า VAR ฟ้องว่าเจ้าตัวล้ำหน้า ผู้ตัดสินวิ่งไปดู สุดท้ายกลับลงมาริบประตูคืนอย่างน่าเสียดาย

นาที 57

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกระยะอันตราย บนเส้นกรอบ 18 หลา ตรงกลางประตูพอดี เล่นลูกสูตร เขี่ยสั้น ๆ ตั้งให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งปรี่เข้ามาซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งแรงไปติดบล็อก กระดอนหลุดออกหลังไป สุดท้ายได้เป็นลูกเตะมุมแทน

นาที 59 ใบแดง!!!

สถานการณ์ของเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องย่ำแย่ขึ้นไปอีก เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ ปอล ป็อกบา ไปเข้าบอลอันตราย เสียบใส่ไปที่ข้อเท้าขวาของ นาบี เกอิต้า อย่างน่าเกลียด ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ใจดีแจกแค่ใบเหลือง สุดท้าย VAR เจ้ากรรมส่งสัญญาณ กรรมการชาวอังกฤษเดินไปดู ก่อนจะกลับลงมาเปลี่ยนเป็นใบแดง ตะเพิดมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสออกจากสนามไป ขณะที่ นาบี เกอิต้า บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ถูกส่งลงมาแทน

นาที 63

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แก้ไขสถานการณ์แบบมึน ๆ ด้วยการถอด บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกไปพัก แล้วจัดการส่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ แบ็คขวา และ เอดินสัน คาวานี่ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ลงสนามมาเล่นแทน ท่ามกลางเสียงโห่จากแฟนบอลกึกก้องทั่วสนาม

นาที 71

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูครึ่งโหล เป็นจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายเร็วให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เติมสูงขึ้นมา ได้ลากบอลจี้มาถึงหน้าเขตโทษด้านขวา ก่อนจะตัดสินใจตะบันด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวด ทำท่าจะเข้าประตูเหมือนกัน แต่เป็น ดาบิด เด เคอา นายทวารเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดทิ้งเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 82

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ลุ้นประตูตีไข่แตก จากจังหวะ ลูกฟรีคิกระยะค่อนข้างไกลทางกราบขวา ดีโอโก้ ดาโลต์ เปิดบอลโค้งลึกไปที่เสาไกล แล้วเป็น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สอดมาโขกตั้งเข้ากลางให้ เอดิสัน คาวานี่ ได้เข้าฮอสเหน่ง ๆ แค่ไม่กี่หลา แต่บอลดันพุ่งไปติดขาของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก่อนจะลอยไปชนคานอย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มเทพ บุกมาไล่ถล่มเอาชนะเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 5-0 !!! รั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไป ทัพหงส์แดงจะเปิดบ้านพบกับไบรท์ตัน ในวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่ 7 ของตาราง นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในวันเดียวกันแต่คนละเวลา