‘ฟลิค’ รับ ‘อินทรี’ ต้องโทษตัวเองที่ใช้โอกาสเปลือง

ฮานซี่ ฟลิค กุนซือทีมชาติเยอรมนี ยอมรับว่าพวกเขาต้องโทษตัวเองเท่านั้นที่ไม่สามารถฉกฉวยโอกาสที่มีได้ เป็นเหตุให้ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก

คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา “อินทรีเหล็ก” ลงเล่นนัดชี้ชะตากับ คอสตาริก้า แม้จะเอาชนะ 4-2 แต่จบแค่อันดับ 3 เพราะลูกได้เสียน้อยกว่า สเปน จึงต้องยุติเส้นทางฟุตบอลโลกที่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองติดต่อกันของพวกเขา

หลังจบเกมที่สนาม อัล บายต์ สเตเดี้ยม เฮดโค้ชวัย 57 ให้สัมภาษณ์กับ Sport1 สื่อบ้านเกิด กล่าวถึงฟอร์มของลูกทีม

“ช่วงครึ่งแรกผมบอกลูกทีมไปว่าผมทั้งรู้สึกผิดหวังและโกรธกับผลงาน, เป้าหมายของเราคือการยิง 2, 3 หรืออาจจะ 4 ประตู และเราก็มีโอกาส แต่จบสกอร์ไม่ได้”

“จากนั้นเรามีข้อผิดพลาดหลายครั้ง ขาดความระมัดระวังจนเปิดโอกาสให้ คอสตาริก้า กลับสู่เกม ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี”

“สุดท้ายแล้วเราเป็นฝ่ายชนะ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราสามารถชนะมากกว่านั้นได้ หากเราฉกฉวยโอกาสที่มี, ผมคิดว่าเรามีโอกาสถึง 16 ครั้งในเกมนี้”

“แต่การตกรอบของเราไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ แต่เกิดขึ้นในช่วง 20 นาทีของเกมกับ ญี่ปุ่น และคุณอาจจะพูดได้ด้วยว่าเราสามารถชนะ สเปน 2-1 ได้ในช่วงท้าย”

“เราแค่ขาดความเด็ดขาดในรายการนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เราตกรอบ แน่นอนว่าผมและสตาฟฟ์โค้ชรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และเราจะกลับไปวิเคราะห์เรื่องนี้เป็นอย่างแรก”

ผลการแข่งขันในอีกคู่ของกลุ่มนี้ สเปน แพ้พลิกล็อค ญี่ปุ่น 2-1 ซึ่งหากเกมดังกล่าวจบลงด้วยผลเสมอ จะทำให้ทีมของ ฟลิค กลายเป็นฝ่ายเข้ารอบ

“ผมไม่เคยสนใจทีมอื่น และผมไม่สามารถโทษ สเปน ได้, เราต้องโทษตัวเองเท่านั้น เรามีโอกาสมากพอสำหรับเข้ารอบ โดยเฉพาะในเกมกับ ญี่ปุ่น ร่วมถึงช่วงท้ายเกมกับ สเปน”

อดีตกุนซือ บาเยิร์น มิวนิค เหลือสัญญากับ เยอรมนี ถึงปี 2024 และเขาก็ถูกยิงคำถามเพิ่มเติมถึงอนาคตของตัวเองในฐานะ “บุนเดสเทรนเนอร์”

“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ผมยังมุ่งมั่นจะทำงานกับทีมนี้ต่อไป”

“สำหรับผมเอง ผมยังมีความสุขกับการรับตำแหน่งนี้ เรามีทีมที่ดีและผู้เล่นที่พร้อมทำตามแผน แต่เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม”

“เรามีผู้เล่นหลายคนซึ่งมีคุณภาพและเล่นให้สโมสรระดับท็อป แต่สำหรับอนาคตที่ดีกว่าของวงการฟุตบอลเยอรมัน เราต้องทำในสิ่งที่ต่างออกไป”

“เราพูดคุยเกี่ยวกับผู้รักษาประตู และฟูลแบ็คคนใหม่มาเป็นเวลานาน ดังนั้นเราต้องเน้นไปที่การพัฒนาเยาวชน, 10 ปีข้างหน้าจะเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องโฟกัสไปที่เหล่าแข้งยุคใหม่”