มาเน่เหมาสอง! ช่วยหงส์แดง เปิดบ้านอัด “พาเลซ” เบาะ ๆ 2-0

เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดสนาม แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของทีมปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล

เกมนี้ เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็คขวาจอมบุก ติอาโก้ อัลกันตาร่า เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน คริสตัล พาเลซ ภายใต้การคุมทีมนัดสุดท้ายของ รอย ฮ็อดจ์สัน มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย เจมส์ แม็คคาร์ธี่ กองหลังห้องเครื่อง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ปีกตัวจี๊ด และ วิลฟรีด ซาฮา กองหน้าตัวความหวังสูงสุดของทีม

นาที 4

โอกาสแรกเป็นของทีมเยือน คริสตัล พาเลซ จังหวะนี้ เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์ แทงบอลทะลุช่องให้ วิลฟรีด ซาฮา ได้กระชากหนี เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตัดสินใจยิงยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที แต่ยังไม่ผ่านเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนปิดมุมไว้อยู่แล้ว ขวางไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 6

ทีมเยือน ได้ลุ้นประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะได้ฟรีคิกทางขวาของกรอบเขตโทษ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ลักไก่ หลอกว่าจะเปิด แต่วิ่งมาบรรจงยิงปั่นไซด์โค้งด้วยซ้าย พุ่งไปที่เสาไกลกำลังจะมุดใต้คานอยู่แล้ว แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังผวาถอยไปปัดปลายมือข้ามคาน ออกหลังไปได้ทันหวุดหวิด ได้เป็นเตะมุม

นาที 13

ทีมเยือน สวนกลับขึ้นมาได้จบ เป็นจังหวะ ฟาบินโญ่ ทำเสียบอลตรงกลางสนาม แล้วเป็น ไยโร่ รีเดวัลด์ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะฝากต่อไปที่ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ได้โยกหาช่อง แล้วตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษระยะ 25 หลา บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น แต่ดันไปตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองไว้ได้สบาย

นาที 14

ทีมเยือน พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะความผิดพลาดของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนล ที่ดันสูงขึ้นมาเล่นบอลทางริมเส้นฝั่งขวาแต่โดนขวาง เลยดีดบอลโด่งไซด์ก้อยย้อนกลับหลังมาที่วงกลมกลางสนาม กะจะคืนให้ รีส วิลเลี่ยมส์ แต่โดน แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ที่วิ่งมาตัดบอลเอาไว้ได้ ก่อนจะกระชากพาบอลด้วยความเร็ว หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แต่จังหวะสุดท้าย เจ้าตัวกดเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งกระดอนเฉียดเสาไกลขวามือออกหลังไปเอง แบบน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 18

เจ้าถิ่น ได้ฟรีคิกระยะได้ลุ้น หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง ระยะประมาณ 35 หลา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ รับหน้าที่ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง บอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ บิเซนเต้ กวาอิต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไปที่เสาซ้ายมือ แต่มุดช้าไปหน่อย เหินข้ามคานออกไปนิดเดียว

นาที 20

เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลโด่งโค้งมาที่บริเวณจุดโทษ แล้วเป็น รีส วิลเลี่ยมส์ วิ่งโฉบมาโขกเต็ม ๆ คนเดียว แต่บอลกลับเหินข้ามคานออกไป อย่างน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 22

เจ้าถิ่น ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะไหลไปยังกรอบเขตโทษด้านขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ติดเครื่องเลี้ยงจี้เข้าหาตัวประกบ ก่อนจะกระชากตัดเข้ากลางแล้วปั่นด้วยซ้ายลูกถนัด บอลพุ่งแรงโค้งสวยไปที่เสาไกลซ้ายมือ แต่มุดช้าไปหน่อย ตกหลังคานออกหลังไปนิดเดียว

นาที 23

เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ได้บอลบริเวณวงกลมกลางสนาม ก่อนจะเงยหน้ามองแล้วบรรจงเปิดบอลโด่งข้ามแนวรับไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้สปีดหนีกองหลัง หลุดเดี่ยวเข้าไปเกี่ยวบอลลงในเขตโทษฝั่งขวา แล้วเอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายที่เสาแรกทันที แต่บอลก็ยังติดเซฟของ บิเซนเต้ กวาอิต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่อ่านเกมได้ดี วิ่งออกมาปิดมุม ขวางบอลไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 32

เจ้าถิ่น ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ หลุดขึ้นมาในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะจ่ายเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดนขวาง เลยไหลย้อนหลังมาที่หน้าเขตโทษให้ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ได้เบิ้ลบอลเร็วเปลี่ยนฝั่งเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายตั้งให้ ซาดิโอ มาเน่ ที่ยืนต้องป้อมอยู่โล่ง ๆ ได้ปั่นด้วยขวาเน้น ๆ แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปไกล แบบน่าผิดหวังจริง ๆ จังหวะนี้

นาที 36 GOAL!!!

หลังจากบุกอยู่นาน เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูที่ต้องการจนได้ ขึ้นนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!! เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลโด่งพุ่งโค้งมาที่เสาแรกให้ รีส วิลเลี่ยมส์ โฉบมาโหม่งเช็ดโดนบาง ๆ บอลกระดอนพื้นเลยไปที่เสาสองเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้จับบอลลั่นห่างตัว แต่ยังโชคยังดีที่ ซาดิโอ มาเน่ อยู่ใกล้ ๆ ตรงนั้นพอดี ล้มตัวแหย่เท้าจิ้มบอลด้วยซ้ายจ่อ ๆ เบียดเสาใกล้ขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย

นาที 43

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ โยนบอลโด่งขึ้นหน้าขนาดเส้นทิ้งมาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มุมกรอบเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวพยายามเลี้ยงแหวก แต่โดนแนวรับทีมเยือนรุมถึงสามคน เลยไหลย้อนหลังมาที่หน้ากรอบเขตโทษตั้งให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้วิ่งมาซัดไกลด้วยขวาเต็ม ๆ บอลพุ่งไปแฉลบ ชีกู กูยาเต้ กระดอนออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้เยอะกว่า และรูปเกมก็เหนือกว่าทีมเยือน คริสตัล พาเลซ อย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะขึงเกมรุกบุกใส่ไม่หยุดพัก จนมาได้ประตูที่ต้องการ ออกนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!!

นาที 53

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุมแล้วโดนเคลียร์ออกมา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เก็บได้ทางกราบซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมครอสบอลโด่งเข้าไปลุ้นที่กลางประตูอีกที แล้วเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้โฉบมาโหม่งสะบัดย้อย ๆ บอลทำท่าจะเสียบใต้คานอยู่เหมือนกันแต่ บิเซนเต้ กวาอิต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวามาปัดออกหลังไปได้ทัน ปลอดภัยไว้ก่อน

นาที 65

ผ่านมาครึ่งทางของครึ่งหลัง เกมทั้งหมดตกเป็นของเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่คุมจังหวะไว้ได้หมด ค่อย ๆ ต่อบอลขึงเกมรุก นวดใส่แนวรับทีมเยือน คริสตัล พาเลซ อย่างต่อเนื่อง ขาดเพียงแค่จังหวะจบเหน่ง ๆ ในพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น ที่ยังทำได้ไม่สำเร็จ

นาที 73 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างคลายความกดดันออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้สวนกลับเร็ว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลยาวขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เลี้ยงจี้เข้าหากองหลังมาถึงมุมกรอบเขตโทษ ก่อนจะจ่ายบอลไปที่หัวกระโหลกเพื่อทำชิ่ง 1-2 กับ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม แล้วเบิ้ลบอลเร็วเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ซาดิโอ มาเน่ ที่โล่ง ๆ ไม่มีตัวประกบ ได้จังหนึ่งจังหวะ

ก่อนจะวางเท้าบรรจงซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ไปแฉลบ แกรี่ เคฮิลล์ ที่พุ่งมาขวางได้นิดนึง เปลี่ยนทางเสียบเสาแรกซ้ายมือ เข้าประตูไป หมดสิทธิ์สำหรับ บิเซนเต้ กวาอิต้า ผู้รักษาประตู

นาที 77

หลังจากทิ้งห่างได้แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าถิ่น เหมือนจะรู้งาน ถอดเอา จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม ออกจากสนาม พร้อมกับเสียงปรบมือของเหล่าบรรดาแฟนบอล เหมือนเป็นการสั่งลาสโมสรเป็นครั้งสุดท้าย แล้วส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเล่นตรงกลางแทน

นาที 80

เจ้าถิ่น ขึงเกมรุกอยู่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แทงบอลทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวตัดสินใจยิงเองเพื่อลุ้นตำแหน่งดาวซัลโว โยกเข้าในมาปั่นด้วยซ้ายข้างถนัดตามสูตร แต่บอลก็ลอยเหินข้ามคานหลุดกรอบออกไป เล่นเอา ซาดิโอ มาเน่ ที่ยืนรออยู่โล่ง ๆ ที่เสาไกลถึงกับบ่นอุบ อดยิงแฮตทริกเลยสำหรับเจ้าตัว

นาที 84

เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูตอกย้ำชัยชนะ เป็นจังหวะ ซาดิโอ มาเน่ เลี้ยงจี้มาที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะไหลบอลตัดหลังแนวรับให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่วิ่งเติมขึ้นมาจากด้านหลัง ได้หลุดเข้าไปเอาบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดมาตรงกลางให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้จับแล้วยิงเร็วด้วยซ้ายติดบล็อก บอลกระดอนไปที่หน้าเสาไกลขวามือเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กำลังจะได้ง้างเท้าซ้ำจ่อ ๆ อยู่แล้วแต่ บิเซนเต้ กวาอิต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาล้มตัวพุ่งมาปัดไว้ได้ทันเวลาเฉียดฉิว

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน คริสตัล พาเลซ ไปได้เบา ๆ 2-0 !!! คว้าสามคะแนนสุดล้ำค่า เขยิบขึ้นมาอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง คว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จอย่างที่ต้องการ