มุลเลอร์-ซาเน่เบิ้ลคู่!! “เยอรมัน” ปูพรมไล่ถล่มเอาชนะ “ลิกเตนสไตน์” สิบตัว 9-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพอินทรีเหล็ก ทีมชาติเยอรมัน เปิดสนาม โฟล์คสวาเก้น อารีน่า, เมืองโวล์ฟสบวร์ก ประเทศเยอรมัน ต้อนรับการมาเยือนของทัพสมันน้อย ทีมชาติลิกเตนสไตน์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม เจ นัดที่ 9 เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เยอรมัน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ฮันซี่ ฟลิค มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย อิลคาย กุนโดกัน กองกลางห้องเครื่อง ลีรอย ซาเน่ ปีกจรวดจอมลากเลื้อย และ โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิกเตนสไตน์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์ติน สต็อคลาซ่า มาเล่นในระบบ 5-3-2 นำทีมโดย โนอาร์ ฟรอมเมลต์ กองกลางห้องเครื่อง เดนนิส ซาลาโนวิช ตัวทำเกมริมเส้น และ ยานิค ฟริค กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 11 GOAL!!!

เปิดฉากมาได้แค่แปปเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพอินทรีเหล็ก เยอรมัน มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ โยนาส ฮอฟมันน์ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางมุมกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะบรรจงตักบอลเข้าไปที่กลางประตูให้ เลออน โกเร็ทซ์ก้า วิ่งสอดมาพักอกเอาบอลลง ทว่าโดน เยน โฮเฟอร์ ยกเท้าสูงยันเข้าที่ใบหน้าพอดีอย่างน่าเกลียด ผู้ตัดสิน อิวาน่า มาร์ตินซิช ไม่รอช้า วิ่งมาควักใบแดงไล่กองหลังทีมเยือนออกจากสนามทันที พร้อมทั้งเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของเจ้าถิ่น แล้วเป็น อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าไป ไม่พลาด

นาที 13

เจ้าถิ่น เยอรมัน ที่ตัวผู้เล่นมากกว่า บุกเข้าใส่ทีมเยือนต่อทันที จังหวะนี้ รีเดิล บาคู จ่ายบอลเลียดยัดทื่อ ๆ เข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ มาร์โก้ รอยส์ ได้สอดไปแตะบอลให้เข้าเหลี่ยม ก่อนจะวิ่งตามไปกดด้วยขวาเน้น ๆ มุมแคบยัดไปที่เสาแรก ทว่าเป็น เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนคุมเสารออยู่แล้ว ผวาปัดออกหลังไปได้ทัน เสียเป็นเตะมุม

นาที 16

เจ้าถิ่น เยอรมัน บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ อิลคาย กุนโดกัน หยอดบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ลีรอย ซาเน่ โหม่งชงย้อนกลับหลังเข้ากลางตั้งให้ รีเดิล บาคู ได้พักอกแล้ววอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นน่ากลัว ทว่าดันไปตรงตัวของ เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน ล้มตัวคว้าเอาไว้ได้ทัน

นาที 18

เจ้าถิ่น เยอรมัน เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ โยนาส ฮอฟมันน์ หลุดขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งขวา เจ้าตัวไหลสั้น ๆ ย้อนกลับหลังมาให้กับ โธมัส มุลเลอร์ ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งจังหวะเดียวถวายพานไปที่หน้าเสาไกลให้ อิลคาย กุนโดกัน สอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งไปชนคานเต็ม ๆ กระเด้งออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 20 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ ลีรอย ซาเน่ ดีดเร็วออกไปทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ คริสเตียน กุนเตอร์ เติมสูงสอดขึ้นมาครอสเลียดจังหวะเดียวเข้ากลางไปที่หน้าประตู แล้วเป็น ดาเนียล เคาฟ์มันน์ ทิ้งตัวสกัดผิดเหลี่ยม บอลเปลี่ยนทางสวนตัวของ เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูตัวเองไป ซุกก้นตาข่าย แบบงง ๆ

นาที 22 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้ประตูเพิ่มอย่างรวดเร็วเป็น 3-0 !!! จากจังหวะเริ่มที่ มาร์โก้ รอยส์ ไหลสั้น ๆ มาที่หน้ากรอบให้ เลออน โกเร็ทส์ก้า เบิ้ลแทงตามช่องจังหวะเดียวอย่างสวยให้ ลีรอย ซาเน่ ได้วิ่งสอดหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะก้มหน้ากดเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ เล่นทางสวนตัว เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 23 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้บวกสกอร์เพิ่มติด ๆ กันอย่างรวดเร็วเป็น 4-0 !!! จากจังหวะ โธมัส มุลเลอร์ บรรจงชิพนิ่ม ๆ แนวลึก ลอยโด่งเข้าไปที่กลางประตูให้ ลีรอย ซาเน่ วิ่งโฉบมาก้มตัวปล่อยบอลหลอก เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาเซฟกระฉอกมาเข้าทางปืนของ มาร์โก้ รอยส์ วิ่งมาซ้ำโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 25

เจ้าถิ่น เยอรมัน พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ ลีรอย ซาเน่ กระชากหลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดเลียดกลับมาที่หน้าเสาแรกโล่ง ๆ ให้ อิลคาย กุนโดกัน วิ่งสอดมาแปด้วยขวาจ่อ ๆ แต่โดนไม่ดี บอลพุ่งเบาแถมไปตรงตัวของ เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน คว้าเอาไว้ได้อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 34

เจ้าถิ่น เยอรมัน บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ โธมัส มุลเลอร์ หลุดมาครอสจากทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ ลีรอย ซาเน่ ได้วิ่งสอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดกดลงพื้นเหน่ง ๆ ที่กลางประตู ทว่าโดนบางไปหน่อย บอลกระดอนถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 38

เจ้าถิ่น เยอรมัน น่าจะได้ประตูเพิ่มแบบสุด ๆ จากจังหวะ คริสเตียน กุนเตอร์ ดันสูงขึ้นมาทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อน วิ่งสอดไปรับบอล หลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดไปที่หน้าประตูให้ อิลคาย กุนโดกัน แปด้วยซ้ายจ่อ ๆ ผิดเหลี่ยม ส่งบอลเฉียดเสาแรกซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เยอรมัน ที่ครองบอลได้มากกว่าถึง 82 เปอร์เซ็นต์ เป็นฝ่ายขึงเกมรุก บุกใส่ทีมเยือน ลิกเตนสไตน์ อยู่ฝั่งเดียว ยิงประตูขาดลอยไปแล้วเรียบร้อย สกอร์ตอนนี้ เยอรมัน 4 ลิกเตนสไตน์ 0 !!!

นาที 49 GOAL!!!

เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพอินทรีเหล็ก เยอรมัน ที่มาได้ประตูเพิ่มอย่างรวดเร็วเป็น 5-0 !!! จากจังหวะ ยิงติดบล็อกในเขตโทษฝั่งขวา ขลุกขลิกมาเข้าทาง มาร์โก้ รอยส์ ปาดเลียดถวายพานมาที่กลางประตูให้ ลีรอย ซาเน่ ได้แปด้วยขวาโล่ง ๆ กระดอนลอดหว่างขาของ โธมัส มุลเลอร์ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย ผู้ตัดสินเช็ค VAR สุดท้ายยืนยันให้เป็นประตู ไม่ล้ำหน้า

นาที 56

เจ้าถิ่น เยอรมัน เกือบได้บวกสกอร์เพิ่ม จากจังหวะ เปิดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ คริสเตียน กุนเตอร์ สอดมาโหม่งตั้งเข้าไปที่หน้าประตู แต่จังหวะสุดท้ายโดนสกัดกระเด้งมาเข้าทาง ลูคัส เมช่า ได้เอี้ยวตัวฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ บริเวณจุดโทษ ส่งบอลพุ่งไปชนเสาไกลขวามืออย่างจัง กระเด้งลอยออกมาอย่างน่าเสียดาย เกือบได้เปิดซิงในการประเดิมสนามเกมแรกกับทีมชาติ

นาที 59 

เจ้าถิ่น เยอรมัน น่าจะได้ประตูอีกครั้ง เป็นจังหวะ คริสเตียน กุนเตอร์ จ่ายยัดมาที่หน้าเขตโทษให้ ลูคัส เมช่า เบิ้ลบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสจังหวะเดียวให้ ลีรอย ซาเน่ ได้สอดหลุดเดี่ยวไปแปด้วยขวามุมแคบที่หน้าเสาแรกจ่อ ๆ ทว่าซัดโดนแปก ๆ ไปตรงตัวของ เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดออกมาเข้าทางเจ้าตัวได้ซ้ำอีกที คราวนี้นายทวารเจ้าเก่า คว้าเอาไว้ได้ทัน

นาที 61

เจ้าถิ่น เยอรมัน หวิดไปหวิดมาที่จะได้ประตู จังหวะนี้ รีเดิล บาตู จ่ายเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ มาร์โก้ รอยส์ จับบอลไม่ดีเท่าไหร่ แต่ยังตามไปโหม่งเสยไปที่หน้าเสาแรกถึง ลูคัส เมช่า ได้สอดมาสะกิดเปลี่ยนทาง ทว่าบอลมันค่อย ๆ กระดอนหน้าปากประตู เฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

นาที 73

เจ้าถิ่น เยอรมัน พับสนามบุกอยู่ฝั่งเดียวจริง ๆ จังหวะนี้ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่หน้าเสาแรก แล้วเป็น ลูคัส เมช่า สอดมาพยายามโหม่งเน้น ๆ ทว่ายังไม่เข้าเป้า บอลหลุดกรอบออกหลังไปอีกครั้งหนึ่ง

นาที 76 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้ประตูเพิ่มจนได้เป็น 6-0 !!! จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ เปิดบอลโค้งมาที่หน้าเสาแรกให้ มัธธิอัส กินเตอร์ โฉบมาโหม่งเหน่ง ๆ ติดบล็อกลอยไม่ไปไหน แล้วเป็น ฟลอเรียน นอยเฮาส์ พยายามจะโหม่งแบบจวนตัว สุดท้ายเลยไปเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ ได้ซัดจ่อ ๆ ระยะเผาขนหลาเดียว เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 80 GOAL!!!

ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้ประตูเพิ่มเป็น 7-0 !!! จากจังหวะ มาร์โก้ รอยส์ จ่ายบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ รีเดิล บาคู ได้โยกแต่งเข้าซ้าย ก่อนจะบรรจงปั่นไซด์เน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย เช็ดสามเหลี่ยมเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม เป็นประตูแรกในนามทีมชาติของเจ้าตัวอีกด้วย

นาที 86 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน ได้ประตูเพิ่มอีกเป็น 8-0 !!! จากจังหวะ ต่อบอลทำชิ่งเข้าเขตโทษถึง ฟลอเรียน นอยเฮาส์ พลิกมาได้สวยแล้วส่งต่อเร็วให้ มาร์โก้ รอยส์ ยิงมุมแคบติดเซฟของ เบนยามิน บูเคิล ผู้รักษาประตูทีมเยือน จังหวะสุดท้าย บอลกระเด้งมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ ซัดเน้น ๆ แฉลบแนวรับทีมเยือน เปลี่ยนทางลอยเข้าประตูไป ไม่เหลือ 

นาที 89 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เยอรมัน มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 9-0 !!! จากจังหวะ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ดันสูงขึ้นมาจ่ายออกไปทางริมกรอบเขตโทษด้านขวาให้ รีเดิล บาคู บรรจงเปิดบอลพุ่งโค้งไปที่หน้าเสาแรก แล้วเป็น มักซิมิเลี่ยน กอปเปิล โหม่งสกัดผิดเหลี่ยม ส่งบอลเปลี่ยนทาง ลอยโด่งไปเสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูตัวเองไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เยอรมัน เปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะทีมเยือน ลิกเตนสไตน์ ไปได้ด้วยสกอร์ 9-0 !!! นำโด่งจ่าฝูงของกลุ่มอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนอัลเบเนีย ในคืนวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านลิกเตนสไตน์ รั้งบ๊วยของตารางคะแนน นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับโรมาเนีย ในวันเวลาเดียวกัน