ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ (ปรัชญา ปิ่นแก้ว / Thailand / 2016)
A: มันสนุกมั้ยวะ?
B: ไม่รู้ว่ะ สนุกมั้ง มันไม่ค่อยตลกน่ะ
นี่เป็นรีแอคชั่นของคนดูในโรงที่มากันเป็นกลุ่มหันหน้าถามกัน ก็ไม่แน่ใจว่าจากหน้าหนังคนดูกลุ่มนี้เค้าคาดหวังอะไรจากหนัง แล้วพอถึงกลางๆ เรื่องก็มีคนลุกออกก่อนหนังจบ
แต่ส่วนตัวคาดหวังไว้พอสมควรที่จะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของพี่ปรัชญา ปิ่นแก้วที่ส่วนตัวยังไม่เคยดูหนังเรื่องไหนที่แกกำกับนอกจากหนังแอคชั่นก็เลยรู้สึกว่ามันน่าจะมีมุมมองที่สนใจมากๆ ให้ได้เห็น แถมยังเชียร์ให้ได้ร้อยล้านตั้งแต่เห็นไอเดียหนัง แต่พอเห็นตัวอย่างหนังเท่านั้นแหละกลับแอบหวั่นว่าความเยอะแยะของตัวละครหลากหลายคู่คนทำจะเอาอยู่ได้หรือเปล่า แต่ความอยากดูไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลยนะ แต่พอได้ดูหนังแล้วไอ่ตรงที่แอบหวั่นนั่นแหละที่ทำให้เราไม่อินกับหนังเพราะทั้งบททั้งการลำดับภาพมันบาลานซ์เรื่องราวไม่พอดี ถึงจะแบ่งเล่าเป็นก๊อกๆ แล้ว แต่การเปิดแต่ละทีบางครั้งมันไม่สุดก๊อกสุดซีนก็เปลี่ยนไปเล่าตอนใหม่ต่อแล้ว ไดนามิกมันก็เลยเรื่อยๆ เนือยๆ มาก ดูๆ ไปก็น่าเบื่อ รวมถึงตรรกะบางจุดบางตอนมันอ่อนเปลี้ยจนถึงขั้นไม่เชื่อซึ่งเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ และเรื่องราวที่เริ่มมาท่าดีน่าติดตามของหลายตอนมันกลับจบได้น่าเสียดายสุดๆ
ที่ไม่น่าเชื่อแบบวายวอดก็เป็นตอนกองถ่ายของ กาย ชัยธรรศ ลูกมาช่า กับ น้องจอย พัชรี ที่มีผู้กำกับมีทีมงานห่าๆ แบบนั้นอยู่ ที่เราไม่เชื่อว่าระดับกองถ่ายหนังระเบิดเถิดเทิงขนาดนั้นมันจะมีการทำงานเหี้ยๆ แบบตัวละครพวกนั้น ซึ่งถ้าปรับเปลี่ยนความสมเหตุสมผลตรงนี้ได้เราอาจจะชอบหนังทั้งเรื่องมากขึ้นกว่านี้ก็ได้ ส่วนตอนของพี่น้อย วงพรู ที่พอเค้าให้เราเห็น ไข่มุก The Voice ตั้งแต่หน้าหนังแล้ว ช็อตดีไซน์และการเล่าที่พยายามซ่อนหน้าซ่อนตาให้ลุ้นให้รักมันก็เลยพลอยไม่ได้ผลไปเลย เพราะเรารู้แล้วว่าเป็นไข่มุก พอมันรู้ก่อนตัวละครสภาวะอยากรู้จักอยากเจอเหมือนตกอยู่ในภวังค์รักมันก็เลยไม่ออก ตอนของ พิสมัย วิไลศักดิ์ กับ สมบัติ เมทะนี ที่ใช้แฟลชแบ็กขาวดำก็ขัดอารมณ์และความต่อเนื่องลื่นไหลอย่างรุนแรง ทั้งที่ฉากนี้มันชวนให้ดราม่าโรแมนติกมากๆ
ตอนของ นน The Voice กับ น้องพลอย ศรนรินทร์ ที่เราชอบโมเมนต์การเฝ้ารอคอยท่ามกลางเมืองกรุงผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย แต่ยังมีการรอคอยอย่างใจเย็นด้วยความหวังของคนๆ หนึ่งที่ยังทำงานของมันอยู่ตรงนั้นมากๆ แต่มันกลับแบนเรียบราบจนน่าหั่นทิ้งหรือไม่ก็ใส่เท็กซ์ Interval พักเข้าห้องน้ำห้องท่าไปเลย แถมยังจบด้วยการแสร้งภาพสื่อมวลชนที่เราไม่เชื่อว่านักข่าวจะหยุดทำข่าวเพราะแคร์ความส่วนตัวความเป็นมนุษย์ของคนที่กลายเป็นสินค้าข่าวไปแล้วแบบยอมไม่เก็บภาพไคลแม็กซ์เอาง่ายๆ ขนาดนั้น ซึ่งก็ไม่มีจุดอธิบายจุดเปลี่ยนความคิดยิ่งทำให้มันไม่น่าเชื่อมากๆ
ตอนของหนิม AF กับ ชาคริต ก็น่ารักดีนะ แต่มันไม่มีอะไรคอนวินซ์เพียงพอให้เชื่อว่าตัวละครมันจะเสียใจขนาดนั้นที่พระเอกดาราที่แอบรักแอบชอบแต่งงาน แถมส่วนของมิวสิคัลก็ยังลิปซิงค์ชัดจนมันไม่ลื่นไปกับภาพน่ะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเท่ากับตอนคนขับแท็กซี่ กับ พี่สุเมธ องอาจ ที่ร้องเพลงอัดคลิปมือถือ ซึ่งมันก็ไม่ใช่มิวสิคัลแบบตอนของหนิม พอเอาเสียงเพลงจากห้องอัดเสียงมาซิงค์กับฉากที่เห็นว่าตัวละครกำลังร้องสดๆ จับตีคอร์ดกีตาร์สดๆ มันก็ไม่เนียนไม่ซิงค์เลย ยิ่งพอร้องเสร็จก็ให้ตัวละครพูดขึ้นทันนี่ยิ่งเห็นร่องรอยต่อของเสียงชัดมากๆ จนมันสะดุด ทั้งที่เรื่องราวของหนุ่มขับแท็กซี่มันทำให้ร้องห่มร้องไห้ตามได้ง่ายๆ เลย
อีกตอนก็ กอล์ฟ เบญจพล กับ นุ่น ศิระพันธ์ เป็นตอนที่รู้สึกว่าครบองค์ที่สุดไดนามิกชัดที่สุดเพราะคอนฟลิกต์มันชัดกว่าตอนอื่นๆ รวมถึงไคลแม็กซ์มันก็ใหญ่โตมากๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ทำให้ใครอินตอนนี้ก็อินไปเลย หรือใครหยีก็ขยาดไปเลย แต่โชคดีที่เราอยู่ฝ่ายอิน กอล์ฟดีนะแต่ยังติดภาพตลกของเค้าอยู่ ชอบนุ่นมากๆ มาน้อยแต่ดีงาม แล้วก็สุดท้ายตัวละครของ เบน ชลาทิศ กับ ฮาย อาภาพร ที่ใช้เป็นเส้นเรื่องเคารพบูชาลูกทุ่งแบบตรงๆ รวมทั้งใช้ปิดเรื่องซึ่งเป็นฉากรวมตัวละครในตอนท้ายที่ชวนตัวละครหลักอื่นขึ้นเวทีมาเต้นด้วยกัน แล้วมันก็เชยมากๆ แถมยังพอเชิญขึ้นไปเต้นแล้วกลับตัดไปเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีแต่ เบน กับ ฮาย ล้วนๆ ซะงั้น แล้วจำเป็นมั้ยที่ต้องมีพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง
น่าจะเลือกให้เหลืออย่างมากก็แค่ 5 คู่ แล้วหาคอนเซ็ปต์จุดขายที่มันชัดกว่านี้นอกจากการเป็นเพลงลูกทุ่ง เพราะแต่ละตอนมันน่าสนใจมากๆ อยู่แล้ว เหลือแค่ใส่รายละเอียดให้มันดีมากขึ้น เสียดายๆ ทั้งที่เพลงก็เพราะ พล็อตหลายอันก็ดี