เดือดแน่! ‘เดมเบเล่’ จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่าง โต้กลับถูกบีบให้ย้าย

อุสมาน เดมเบเล่ เปิดสงครามเต็มตัวกับต้นสังกัด “ต่างดาว” บาร์เซโลน่า เมื่อเจ้าตัวร่อนจดหมายเปิดผนึกเปิดใจ บอกจะไม่ยอมให้สโมสรขู่กรรโชกกระทำกับเขาเพียงฝ่ายเดียว หลังถูกกดันให้ย้ายทีมในเดือนนี้


มาเตว อเลมานี่ ผู้อำนวยการฟุตบอลของทีมจากต่างดาว ออกมายืนยันชัดเจนในวันพฤหัสบดีว่า อุสมาน เด็มเบเล่ จะต้องเก็บข้าวของย้ายออกจากทีมก่อนตลาดซื้อขายปิดลงในสิ้นเดือนนี้ ภายหลังปฏิเสธข้อเสนอสัญญาใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าที่สโมสรยื่นให้

ทาง ชาบี้ เอร์นานเดซ ก็เพิ่งยื่นคำขาดไปเมื่อวันพุธว่านักเตะจะต้องต่อสัญญาใหม่หรือไม่งั้นต้องย้ายออกจากทีมในเดือนนี้

ล่าสุด เดมเบเล่ ออกมาเคลื่อนไหวในจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ผ่านโซเซียลมีเดียตอบโต้สโมสรอย่างเผ็ดร้อนเอาไว้ว่า

“เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่มีเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับผม ผมรู้สึกละอายกับคำโกหกเหล่านั้น ที่มีวัตถุประสงค์เพียงแค่ต้องการทำลายผมเท่านั้น มันคือควาผิดพลาดหรือไม่, ผมมั่นใจว่ามันเป็นอย่างนั้น” เดมเบเล่ กล่าว

“ตั้งแต่วันนี้ ผมจะตอบอย่างตรงไปตรงมา จะไม่ยอมแพ้ให้กับการขู่กรรโชกใดๆ ผมอายุ 24 ปี ก็เป็นเหมือนคนทั่วไป ผมมีข้อบกพร่อง ไม่เพอร์เฟคต์, ผมผ่านช่วงเวลายากลำบากกับปัญหาบาดเจ็บ,ต้องโดนผลกระทบจากโควิด”

“ผมไม่ได้ซ้อมมากนัก แต่ผมก็พร้อมเสมอไม่เคยบ่นเวลาที่โค้ชร้องขอให้ทำอะไรก็ตาม ผมมุ่งมั่นทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากมันเป็นแพสชั่นของผม”

“ผมห้ามใครคิดไม่ได้เวลาที่ผมไม่ได้มีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์กีฬา, ห้ามใครไม่ได้ที่มาอ้างถึงความตั้งใจที่ผมมี,ห้ามใครไม่ได้ที่มาพูดแทนตัวผมเองกับตัวแทนของผม ซึ่งตัวผมเองมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม”

“ผมยังอยู่ในสัญญา ยังมีส่วนร่วมกับทีมและโค้ช ผมทุ่มเทเพื่อเพื่อนร่วมทีมเสมอ ผมไม่ใช่คนขี้โกง และไม่มีนิสัยขู่กรรโชก”

ทั้งนี้ AFE สหภาพนักเตะได้ออกมาสนับนสนุน เดมเบเล่ และเตือนบาร์เซโลน่า ไม่มีสิทธิ์จับดองนักเตะเพียงเพราะเขาไม่ยอมต่อสัญญา

“มันคือความจริงที่ว่า นักฟุตบอลอาชีพไม่มีสิทธิ์อัตโนมัติที่จะถูกเลือกลงเล่นในทุกเกม แต่พวกเขามีสิทธิ์ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับเพื่อนของเขา” สหภาพนักเตะแถลง

“ถ้าสถานการณ์ดร็อปออกจากทีม คือการกดดันให้เขาเซ็นสัญญาใหม่หรือย้ายออกไป และยังมีการแถลงการณ์ต่อออกสู่สาธาณชนเพื่อเพิ่มแรงกดดัน, เรามองว่ามันคือการกระทำที่ผิดกฎหมาย”

“AFE พิจารณาว่าความล้มเหลวในการเจรจาต่อสัญญาใหม่ไม่ถือเป็นการละเมสิดการจ้างงาน”