[เปิด Netflix มารีวิว] Resident Evil สร้างอีกกี่ครั้งก็ยังพังไม่เลิก

[เปิด Netflix มารีวิว] Resident Evil สร้างอีกกี่ครั้งก็ยังพังไม่เลิก

Resident Evil ถือเป็นแบรนด์คอนเทนท์ที่ทรงพลังไม่แพ้กับ “บ้านทรายทอง” ในบ้านเรา เรียกว่าจะสร้างกี่ครั้ง ก็ยังสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเกมได้อยู่เสมอ แต่เราก็เริ่มจะสงสัยแล้วว่า ตกลงมันเป็นอาถรรพ์หรือเปล่า ที่ไม่ว่าจะพัฒนาต่อในเวอร์ชั่นหนังหรือซีรีส์ ยิ่งทำก็ยิ่งเละ

หลังจากตอกตะปูปิดฝาโลกไปแล้วกับหนัง Resident Evil: Welcome to Raccoon City ซึ่งเป็นหนังที่เรียกได้ว่ายึดองค์ประกอบจากเกมในหนังภาคแรกและภาคที่สองมาอย่างซื่อตรงที่สุด จนแฟนๆเกิดอาการว้าวตั้งแต่ที่ได้เห็นตัวอย่าง แต่กลายเป็นว่าองค์ประกอบจากเกมก็ไม่อาจจะโอบอุ้มหนังทั้งเรื่องที่อิรุงตุงนังไปหมดได้เลย

สำหรับเวอร์ชั่นซีรีส์ Netflix ก็เรียกได้ว่าเป็นความทะเยอทะยานครั้งใหม่ที่จะหยิบเอาองค์ประกอบจากเกม อย่างบริษัทอัมเบรล่า คอร์เปอเรชั่นมาแตกขยาย ตีความต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบริษัทยายักษ์ใหญ่ได้เป็นต้นเหตุของการระบาดไวรัสมรณะจนโลกทั้งใบพังพินาศ เต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Lance Reddick ยอมรับ ไม่รู้ว่า Resident Evil เคยเป็นเกมมาก่อนResident Evil ฉบับคนแสดงเป็นซีรีส์เกมเรื่องแรกที่คะแนนรีวิวน้อยสุดของ NetflixNetflix ปล่อยทีเซอร์แรก ซีรีส์ Resident Evil

เจด เวสเกอร์ (เอลลา บาลินสกา) ลูกสาวของ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (แลนซ์ เรดดิค) หนึ่งในผู้คิดค้นยาที่มีชื่อว่า “จอย” กลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงส่วนน้อยของโลกใบนี้ เธอพยายามจะออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาแนวทางในการรักษาผู้ติดเชื้อมรณะ โดยระหว่างทางซีรีส์เลือกจะใช้วิธีการตัดสลับเหตุการณ์ระหว่างปี 2036 ควบคู่ไปกับปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ไวรัสเกิดการแพร่ระบาด โดยตัวละครเจด (ทามารา สมาร์ท) และ บิลลี่ (เซียนา อากูดอง) ที่กำลังเป็นวัยรุ่นอยู่นั้น ทั้งสองดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับผู้เป็นพ่ออย่างอัลเบิร์ต เวสเกอร์ (แลนซ์ เรดดิค) หลังจากที่พวกเขาจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ใหม่มาในเมืองนิวแรคคูนซิตี้ ประเทศแอฟริกาใต้ ด้วยความขี้สงสัยตามประสาวัยรุ่น บิลลี่พยายามค้นหาความลับเกี่ยวกับบริษัทอัมเบรล่าจนนำมาซึ่งหายนะเกินควบคุม

สิ่งที่ทำให้ Resident Evil เป็นซีรีส์ประเภทท้าทายความอดทนของผู้ชม คือการสร้างตัวละครที่น่ารำคาญมากกว่าจะเอาใจช่วย พอผ่านไปสักระยะ ซีรีส์ถึงจะเริ่มเสิร์ฟฉากแอ็คชั่นประเภทตัวละครหนีตายจากซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ มันจึงจะเริ่มมอบความบันเทิงให้กับคนดู แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว ท่ามกลางบทสนทนาที่ดูผิดมนุษย์มนา การตัดสินใจแบบผิดๆครั้งแล้วครั้งเล่าของสองตัวเอก ทำให้เราเริ่มเกิดอาการหมดความอดทนไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์กว่าจะดูซีรีส์จบทั้งซีซั่น

จนถึงตอนนี้เราอาจจะกล่าวได้เลยว่า Resident Evil ภาคแรกผลงานการกำกับของพอล ดับเบิ้ลยูเอส แอนเดอร์สัน นำแสดงโดยมิลา โจโววิช น่าจะเป็นการดัดแปลงมาจากเวอร์ชั่นเกมที่ดีที่สุด แม้ว่าในช่วงเวลาที่ออกฉายจะโดนถล่มยับจากนักวิจารณ์ก็ตาม ถ้าไม่เชื่อก็ลองย้อนกลับไปดูสิครับ