เรอัล มาดริด โกงตายรัวท้ายเกม พลิกเข้ารอบหวุดหวิด!!

นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด ที่เตรียมเปิดสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ต้อนรับการมาเยือนของ เชลซี ในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก (รอบ8ทีมสุดท้ายนัด2) เมื่อคืนวันอังคารที่ 11 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เรอัล มาดริด จะมาในระบบ 4-3-3 เช่นเคย นำโดยเสาหลักบองทีมอย่าง ลูก้า โมดริช ,โทนี่ โครส และดาวซัลโวของทีมอย่าง คาริม เบนเซม่า

ขณะที่ เชลซี จะมาสู้ด้วยแผน 3-4-1-2 ใช้กองหลังแค่สามคนเท่านั้น เพราะเกมนี้ ทูเคิ้ล น่าจะเน้นเกมรุกเต็มสูบ นำโดย เมสัน เมาท์ ,ไค ฮาแวร์ตซ์ และจะใช้  ติโม แมเนอร์   เป็นหน้าเป้า 

นาทีที่ 14 เชลซี นำเร็ว !!

ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เชลซี ได้ประตูขึ้นนำก่อนเลยจากจังหวะที่ ลอฟตัส-ชีค แทงบอลเร็วให้ เมสัน เมานท์ หลุดตัวประกบของ มาดริด เข้าไปปั่นด้วยขวา บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ตีโบ กูร์ตัว หมดสิทธิ์รับ  

นาทีที่ 22

เรอัล มาดริด ได้ลุ้นบ้างจากจังหวะที่ คาริม เบนเซมา ครองบอลตรงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะแต่งหาจังหวะส่องด้วยขวา  ข้ามคานไปนิดเดียว 

นาทีที่ 33

เรอัล มาดริด เดินหน้ากดดันต่อเนื่องและเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ คาเซมิโร่ ตัดบอลตรงกลางสนามได้ ก่อนจะจ่ายเร็วให้ เฟเดริโก บัลเบร์เด หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษ แต่บอลสุดท้ายยังไปตรงตัว เอดัวร์ แมนดี้ 

นาทีที่ 40 

ช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เชลซี ก็มาได้ลุ้นประตูจากลูกฟรีคิก บริเวณนอกกรอบเขตโทษด้านซ้าย และเป็น มาเตโอ โควาชิซ ที่ยิงข้ามคานออกไปเอง 

หมดครึ่งเวลาแรก เชลซี ถือว่าเล่นได้ดีกว่านัดแรกที่เจอกัน จังหวะสำคัญๆ พวกเขาก็ใช้โอกาสไม่เปลือง จบครึ่งแรก เชลซี บุกไปนำ เรอัล มาดริด 1-0 

นาทีที่ 50 เชลซี นำห่าง 2-0 !

เริ่มครึ่งหลังได้ 10นาที เชลซี ก็มาได้ประตูที่สองจากลูกเตะมุม เมื่อ เมสัน เม้าท์ โยนบอลเข้ากลาง รูดิเกอร์ ที่สลัดตัวประกบได้ จึงได้เทคตัวขึ้นโหม่งโล่งๆ คนเดียว ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม 

นาทีที่ 56

เชลซี เกือบได้เฮ อีกครั้ง จากจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ พริ้วหนีตัวประกบหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายได้สำเร็จ ก่อนจะกดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว 

นาทีที่ 61 

ทีมเยือนเกือบได้ประตูนำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ กองเต้ ไปแย่งบอลคืนได้จากกลางสนาม ก่อนจะพาบอลขึ้นไปเอง แล้วจ่ายต่อให้ อลอนโซ่ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ยกบอลหลบกองหลังของ มาดริด หนึ่งที แล้ววอลเลย์ด้วยขวา บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แต่พอมาเช็ค VAR จังหวะแต่งบอลก่อนจะยิง บอลไปโดนมือของ อลอนโซ่ ลูกนี้เลยโดนริบคืน 

นาทีที่ 75 เชลซี 3-0 จนได้!!

เชลซี ที่กดดัน มาดริด ต่อเนื่องก็มาได้ประตูที่ 3 จนได้ จากจังหวะหลุดเดี่ยวของ ติโม แวเนอร์  เข้าไปโชว์สกิลโยกหลอกกองหลังของ มาดริด สองคน ก่อนจะซัดด้วยขวาเต็มข้อ แฉลบ ตีโบ กูร์ตัว เปลี่ยนทางเข้าประตูไปอย่างสวยงาม 

นาทีที่ 79 มาดริด ตีไขรแตกได้แล้ว !!

เรอัล มาดริด จู่ก็มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะ ต่อบอลกันตรงกลางสนาม และเป็น ลูก้า โมดริช โชว์เหนือจ่ายไซส์ก้อย บอลหลุดไปถึง โรดริโก้ วิ่งมาแปด้วยขวาเน้นๆ ส่งบอลเข้าประตูชนิดที่ว่า แมนดี้ หมดสิทธิ์รับ 

นาทีที่ 95 เชลซี 3 เรอัล มาดริด 2 !!

ช่วงต่อเวลา เรอัล มาดริด ก็มาบวกประตูเพิ่มได้จากจังหวะที่ เวนิซิอุส กระชากหนีตัวประกบหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะบรรจงครอสบอลให้ เบนเซมา โหม่งโล่งๆ หน้าประตูคนเดียว ส่งบอลซุกก้นตาข่ายไปอย่างสวยงาม 

หมดเวลาการแข่งขัน เป็น เชลซี ที่อกหักตกรอบไปตามระเบียบ แม้ว่าเกมนี้พวกเขาจะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม เพราะสกอร์รวม 2 นัด พวกเขาตามหลัง เรอัล มาดริด อยู่ 1 คะแนน