ระหว่างดูแก๊งม่วนป่วนเสี้ยวลิ้มยี่ ผมรู้สึกเหมือนลมปราณภายในติดขัดครับ ความน่าติดตามของหนังเหมือนจะขาดห้วงเป็นพักๆ บางช่วงก็เฉยมาก บางช่วงก็ทำท่าจะดี บางช่วงก็มีทั้งจุดที่ดีและเฉยดำเนินไปพร้อมๆ กัน
พล็อตหลักๆ ว่าด้วยตัวเอกที่ชื่อซีเหมินเต๋อเป่า (หวังเป่าเฉียง, Baoqiang Wang) ทายาทนักรบที่ตอนนี้ตกอับกลายมาเป็นนักต้มตุ๋น แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับหลวงจีนเฒ่ารูปหนึ่ง (หนี่ต้าหง, Dahong Ni) ซึ่งหลวงจีนรูปนี้นี่แหละครับที่กำลังจะพลิกผันชีวิตของเขาให้เปลี่ยนไป
ช่วงต้นๆ นี่เฉยมากครับ ตอนที่เต๋อเป่ากับพวกต้มชาวบ้านนี่ยอมรับว่านิ่งจริงๆ แล้วหนังก็มาน่าสนใจขึ้นตอนที่เต๋อเป่ากับหลวงจีนเฒ่ามาเข้าคู่กัน ช่วงนี้มีสอดแทรกแง่คิด สาระ ธรรมะดีๆ มาชวนให้คิด เดินเรื่องนิ่งๆ ช้าๆ แต่ดูมีพลังเพราะการแสดงของ 2 คนนี้รับส่งกันได้ดีื หวังเป่าเฉียงก็ฮาแบบหน้าตาย ส่วนหนี่ต้าหงก็วางมาดนิ่งพลางพูดแก่นธรรม ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวไม่เลว ซึ่งหนี่ต้าหงนี่ผมชอบพี่ท่านมาตั้งแต่ตอนเล่นเป็นสุมาอี้ใน สามก๊ก ฉบับ 2010 แล้วครับ
พอช่วงกลางเรื่องนี่ก็อีกแล้วครับ ตัวเนื้อเรื่องเริ่มเรื่อยๆ แต่ในขณะที่เรื่องเรื่อยๆ นั่นผมกลับรู้สึกชอบฉากครับ ฉากนั้นจะเป็นฉากถ้ำใต้สุสาน สร้างออกมาได้ดีมากๆ ดูเป็นถ้ำที่สวยและน่าสนใจจริงๆ เรียกว่าปลุกอารมณ์ผจญภัยในตัวผมขึ้นมาได้เลย – แต่ในแง่เนื้อเรื่องนั้นก็ไม่ได้มีการผจญภัยอะไรครับ
พอถึงช่วงครึ่งหลังก็มีแอคชันประปราย ซึ่งก็ถือว่าโอเค แต่ยังไม่เด็ดแบบเต็มที่ ถัดมาก็มีช่วงดราม่ามาอีกนิด ซึ่งช่วงนี้ก็ถือว่าทำได้ดีครับ ก่อนที่ช่วงท้ายไคลแม็กซ์จะนำไปสู่ฉากบู๊ปิดท้ายซึ่งก็ถือว่ากลางๆ ไม่ถึงขั้นมันส์
นี่ผมบรรยายความรู้สึกไปตามจริงเลยนะครับ มันรู้สึกเฉยๆ ผสมโอเคสลับกันไปตลอดเรื่อง พอดูจบนี้ต้องมานั่งนิ่งๆ สักพักเพื่อประมวลว่าตกลงเราคิดอย่างไรกับหนัง ซึ่งหนังเรื่องนี้ผมไม่สามารถบอกได้ครับว่า “มันเข้าท่า” หรือ “มันเฉยๆ” เพราะมันมีครบครันทั้งที่เข้าท่าและเฉยๆ – จะบอกว่าหนังมันไม่ค่อยเป็นเนื้อเดียวกันก็คงได้น่ะครับ
โดยส่วนตัวผมคิดว่าถ้าหนังจัดการเรื่องบทให้ลื่นไหลกว่านี้ก็คงดี จะว่าไปหนังถือว่ามีพล็อตแนวทางเดียวกับ มังกรไท้เก๊ก คนไม่ยอมคน ที่หลี่เหลียนเจี๋ยแสดงนำน่ะครับ โดยเฉพาะการที่บอสใหญ่ของเรื่องก็คือหนึ่งในคนที่พระเอกรู้จักมาก่อนนี่ใช่เลย แต่เรื่องนั้นทำได้ลื่นไหลกลมกล่อมกว่ากันครับ
เรื่องนี้กำกับโดย Stanley Tong (ถังจี่ลี่) ที่เคยทำงานสนุกๆ อย่างวิ่งสู้ฟัด 3 และใหญ่ฟัดโลก แต่ระยะหลังงานของเขาก็เริ่มอร่อยน้อยลงครับ (เช่น Vanguard เป็นต้นครับ) สำหรับเรื่องนี้ก็อยู่ในข่ายหลังครับ คือเหมือนจะเข้าท่าแต่ก็ไม่ เหมือนจะอร่อยแต่ก็ยัง
แต่ถ้าจะมีอะไรที่พิเศษสำหรับผมเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ก็คือ นี่ถือเป็นผลงานสุดท้ายของอู๋ม่งต๊ะ (Man-Tat Ng) ครับ แม้จะไม่ได้แสดงอะไรมาก แต่แค่เห็นหน้าเขาผมก็ยิ้มแล้วล่ะ… คิดถึงเขาเหมือนกันนะครับ
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5.5/10)