การแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง อังกฤษ ลงสนามพบกับ เยอรมัน เกมนี้ อังกฤษ ลงเล่นในระบบ 3-4-3 และทางด้าน เยอรมัน มาสู้ในระบบ 3-4-2-1
บอลเริ่มมาได้ไม่นาเข้าสู่นาทีที่ 5 เยอรมัน ได้ลุ้นจบสกอร์ก่อน
จากจังหวะของ เลออน โกเร็ตซ์ก้า พาบอลลุยขึ้นมาบริเวณกลางประตูก่อนจะได้ช่องซัดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านแนวรับอังกฤษไปตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด รับไว้ได้ไม่ยาก
เยอรมัน มาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะหวังผล ในนาทีที่ 8
เป็นจังหวะของ เดแคลน ไรซ์ เสียเหลี่ยมไปดึงแขน เลออน โกเร็ตซ์ก้า ล้มลงหน้ากรอบเขตโทษ ชนิดที่อีกก้าวเดียวเข้าเขตโทษ ผู้ตัดสินวิ่งมาแจกใบเหลืองเป็นใบแรกของเกม ก่อนจะเป็น ไค ฮาแวร์ตซ์ รับหน้าที่สังหารฟรีคิกลูกนี้ซัดไปติดกำแพงออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 15 โอกาสจะแจ้งของอังกฤษ
จากจังหวะของ ราฮีม สเตอร์ลิง กระชากบอลมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะโยกตัดเข้าในก้มหน้าปั่นด้วยขวานอกกรอบบอลโค้งพุ่งไปเสาไกลแต่ มานูเอล นอยเออร์ ยังบินมาปัดทิ้งออกหลังไปได้หวุดหวิด อังกฤษยังได้ลุ้นต่อจากลูกเตะมุมทางฝั่งขวาของ คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษบอลถึง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ขึ้นโหม่งโล่ง ๆ แต่บอลยังเบาไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับเอาไว้ได้อีกหน
เยอรมัน ตั้งเกมบุกกดดันต่อเนื่องจนมาถึง นาทีที่ 33
จากจังหวะบอลของ ไค ฮาแวร์ตซ์ พาบอลลุยขึ้นมาก่อนจ่ายบอลออกขวาให้ โจชัว คิมมิช ที่เติมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนจะโยกเข้าซ้ายเปิดบอลเข้าเขตโทษเกือบเข้าหัว โรบิน โกเซนส์ แต่ยังดีที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ตามประกบได้ดีทำให้ โรบิน โกเซนส์ ขึ้นไม่ถนัด
นาทีที่ 34 จอร์แดน พิคฟอร์ด โชว์ซุปเปอร์เซฟ
จากจังหวะของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัดบอลได้กลางสนามก่อนจะจ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษไปให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าเขตโทษยิงด้วยซ้ายแต่ต้องชม จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ออกมาปิดมุมได้ไวและเซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
โธมัส มุลเลอร์ เกือบทำทีมเสียประตู ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
จากจังหวะของ โธมัส มุลเลอร์ ตั้งใจจะจ่ายบอลคืนหลังแต่บอลเบาพลาดโดน ราฮีม สเตอร์ลิง ตัดไปได้ก่อนลากเข้าเขตโทษไปโดนแนวรับเยอรมันจิ้มทั้งคนทั้งบอลร่วงลงไปบอลไม่พ้นอันตรายมาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน แตะหลบ มานูเอล นอยเออร์ ไปแล้วแต่ยังดีที่ มัตส์ ฮุมเมลส์ วิ่งตามมาทิ้งตัวสกัดไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
จบครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้มากเสมอกันไปที่ 0-0 รูปเกมทั้งสองทีมยังเปิดเกมสู้กันได้อย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่ตลอด แต่ยังเจาะเข้าพื้นที่อันตรายกันได้น้อย ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่ต้องมาติดตามกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 48 เป็น เยอรมัน เกือบมาได้ประตูขึ้นนำ
เป็นจังหวะที่ โรบิน โกเซนส์ เก็บบอลได้ทางฝั่งซ้ายก่อนจะเลือกเปิดบอลเข้าในแต่แนวรับ อังกฤษ โหม่งสกัดไม่ขาดบอลมาเข้าทาง ไค ฮาแวร์ตซ์ กดตามน้ำทันทีบอลพุ่งเกือบเสยใต้คาน แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ยังบินไปปัดทิ้งออกหลังไปได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่แล้วแฟนอังกฤษได้เฮดัง ในนาทีที่ 75
เป็นจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง โยกหนีผู้เล่นเยอรมันเข้าในก่อนจะจ่ายบอลไปให้ แฮร์รี่ เคน แปะต่อให้ แจ็ค กรีลิช แทงออกซ้ายขึ้นหน้าเข้าเขตโทษมาให้ ลุค ชอว์ เติมมาปาดเรียดและเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง วิ่งเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ บอลพุ่งผ่านมือ มานูเอล นอยเออร์ เข้าประตูไปไม่พลาด อังกฤษ ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0
เยอรมันไม่ยอมแพ้เกือบมาได้ประตูตีเสมอ นาทีที่ 80
ราฮีม สเตอร์ลิง พลาดท่าจ่ายบอลคืนหลังไม่ดีบอลไปเข้าทาง ไค ฮาแวร์ตซ์ กระชากบอลขึ้นหน้าก่อนจะจ่ายบอลทะลุช่องให้ โธมัส มุลเลอร์ หลุดเดี่ยวก่อนจะแต่งบอลหนึ่งจังหวะแล้วก้มหน้ายิงด้วยขวาหลุดเสาแรกออกไปอย่างเหลือเชื่อ
อังกฤษ มาได้ประตูย้ำชัย นาทีที่ 86
จากจังหวะของ ลุค ชอว์ วิ่งไปตัดบอลได้จาดบริเวณกลางสนามก่อนพาบอลขึ้นมาจ่ายออกซ้ายให้ แจ็ค กรีลิช เปิดเร็วเข้ามาหน้าปากประตูให้ แฮร์รี่ เคน ได้โหม่งเน้น ๆ บอลพุ่งตุงตาข่ายเข้าไปไม่เหลือ อังกฤษ ทิ้งห่าง 2-0
จบเกม อังกฤษ เอาชนะ เยอรมัน ไปได้ไม่ยาก 2-0 ส่งผลให้ เยอรมัน ต้องจอดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายและส่งให้ อังกฤษ ทะลุเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จะต้องไปพบกับ ยูเครน ในเกมถัดไป