โฟกัสฟุตบอล! ‘เคยรอซ’ ยันไม่สนปัญหานอกสนามกับ ‘เมกา’

แม้ว่า อิหร่าน จะมีความขัดแย้งนอกสนามกับ สหรัฐอเมริกา อย่างต่อเนื่อง แต่ คาร์ลอส เคยรอซ และ เกร็ก เบอร์ฮัลเตอร์ กุนซือทั้งสองทีมต่างยืนยันว่าพวกเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านั้น และขอโฟกัสไปที่ฟุตบอลอย่างเดียว

คืนวันอังคารนี้ อิหร่าน เตรียมลงเล่นนัดชี้ชะตาเข้ารอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกกับ “พญาอินทรี” ชาติซึ่งมีปัญหาขัดแย้งทางประวัติศาสตร์การเมืองมาอย่างยาวนาน

ความเดือดของนัดนี้ ถูกเพิ่มขึ้นอีกเมื่อ อิหร่าน ร้องเรียนให้ ฟีฟ่า แบน สหรัฐฯ จากฟุตบอลโลก ภายหลังโซเชียลมีเดียทางการของ “ลุงแซม” โพสต์ตารางคะแนนโดยตัดต่อสัญลักษณ์รัฐอิสลามออกจากธงชาติพวกเขา

สหรัฐฯ ให้เหตุผลว่าทำไปเพื่อสนับสนุนการประท้วงเรื่องสิทธิสตรีในประเทศ อิหร่าน ก่อนที่ภาพนั้นจะถูกลบออกไป

ระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเกม เบอร์ฮัลเตอร์ ผู้จัดการทีมชาติสหรัฐฯ กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

“ผู้เล่นและสตาฟฟ์โค้ชของเราไม่มีส่วนรู้เห็นเลยกับสิ่งที่สมาคมฟุตบอลโพสต์ลงโซเชียล”

“ผมพูดแบบนี้โดยไม่ต้องการบอกว่าเราไม่สนใจหรือไม่ใส่ใจ แต่พวกเราทำงานอย่างหนักมาตลอด 4 ปี และเรามีเวลา 72 ชั่วโมงหลังจบเกมกับ อังกฤษ เพื่อเตรียมตัวเจอ อิหร่าน”

“ตอนนี้เรามุ่งสมาธิเพื่อหาวิธีผ่าน อิหร่าน และได้เข้ารอบต่อไปในรายการนี้, แน่นอนว่าเราทั้งทีมสนับสนุนประชาชนชาวอิหร่านทุกคน แต่สมาธิของเราอยู่ที่การแข่งขันเท่านั้น”

“บางทีเรื่องต่างๆ ก็เกินความควบคุม เราเชื่อว่าผลการแข่งขันนัดนี้จะขึ้นอยู่กับว่าใครพยายามมากกว่า และใครโชว์ฟอร์มได้ดีกว่าในสนาม ดังนั้นเราจึงไม่โฟกัสไปที่เรื่องภายนอก”

“สิ่งเดียวที่เราทำได้ คือการขอโทษในฐานะผู้เล่นและสตาฟฟ์โค้ช แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เรามีส่วนรู้เห็นด้วยแต่อย่างใด”

“ผมเป็นโค้ชฟุตบอล และไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเมืองมากพอ, ผมรู้ว่าหลายคนจะมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับเรามันเป็นแค่การลงแข่งฟุตบอลกับทีมที่ดีซึ่งต่างต้องการเข้ารอบ และไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”

ส่วนทางด้าน เคยรอซ ถูกยิงคำถามระหว่างให้สัมภาษณ์ก่อนเกม ว่าเขาจะใช้ความขัดแย้งของสองชาติเป็นเครื่องมือสำหรับปลุกใจลูกทีมหรือไม่

“ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมา 42 ปี และถ้าผมยังคิดว่าสามารถคว้าชัยชนะได้ด้วยการเล่นเกมจิตวิทยาแล้ว ผมคิดว่าผมคงยังไม่ได้เรียนรู้มากพอ”

“ถ้าจิตใจของผมตกหลุมพรางและเสียสมาธิให้กับเรื่องอื่น นั่นหมายความว่าผมกำลังโกหกต่อกีฬาฟุตบอล และผมจะไม่ทำแบบนั้น”

“ผมเกิดในทวีปแอฟริกา และผมเคยทำงานในบางสถานที่ซึ่งเด็กๆ อดข้าวอดน้ำเป็นเวลา 2 วัน และไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ แต่เมื่อคุณให้ฟุตบอลกับพวกเขา ใบหน้าก็เปลี่ยนจากความโศกเศร้าเป็นมีความสุข, นั่นคือภารกิจของเรา”

“ดังนั้นผมจึงจงรักภักดีต่อฟุตบอล และพยายามให้ความเคารพกีฬานี้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญสำหรับสังคมของเรา”

“เราเห็นด้วยกับการเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครและอยู่ที่ไหนก็ตาม”

“ผู้คนที่พูดถึงสิทธิมนุษยชน, การเหยียดผิว, เด็กๆ ที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงในโรงเรียน – เราเห็นด้วยกับพวกเขาในทุกเรื่อง และเราต้องการสร้างความสุขเป็นเวลา 90 นาที”

“เกมนัดนี้จะเป็นเกมที่พิเศษ เพราะเรามีโอกาสสร้างความภาคภูมิใจโดยการผ่านเข้ารอบต่อไป และเราต้องโชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดของเราออกมา”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจาก 2 นัดแรก สหรัฐฯ คือทีมที่มีความสม่ำเสมอมากที่สุดในกลุ่มนี้ พวกเขาเล่นได้ดีทั้งกับ เวลส์ และอังกฤษ”

“เรารู้ดีถึงความยากที่เราจะเจอในวันพรุ่งนี้ เพราะสหรัฐฯ เป็นทีมที่ดีมาก พวกเขามีระเบียบวินัยและมีเป้าหมายเดียวกับเรา”

“สำหรับผมเกมนัดนี้ก็มีความพิเศษส่วนตัวเช่นกัน เพราะผมเคยได้โอกาสทำงานใน เมเจอร์ ลีก และช่วยพัฒนาวงการฟุตบอล สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

“ตอนนี้ สหรัฐฯ พัฒนาจาก ‘ซอคเกอร์’ มาเป็น ‘ฟุตบอล’ แล้ว และนั่นคือคำชมที่ดีที่สุดที่ผมจะสามารถมอบให้พวกเขาได้”

“สหรัฐฯ เล่นฟุตบอลแบบสมัยใหม่, มีผู้เล่นหลายคนเล่นให้ทีมระดับท็อปของยุโรป แต่เราจะลงสนามด้วยความเคารพ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการเพื่อเข้ารอบต่อไป”