ราชันหืดจับไล่ไม่จน!! เจ๊าค้างคาวในเกม ก่อนแม่นโทษชนะ เข้าชิงซุปเปอร์โกปา 

นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาเลนเซีย ที่สนาม คิง ฟาห์ด อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ใน ศึก ซูเปอร์โกปา (สเปน) เมื่อวันพุธที่ 11 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เรอัล มาดริด จะมาเล่นด้วยระบบ 4-3-3 นำโดยแกนหลักของทีมเหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ธีโบต์ คูร์กตัวส์,ลูคัส บาซเกซ,เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้,วินิซิอุส จูเนียร์ และ คาริม เบนเซม่า 

ขณะที่ บาเลนเซีย จะมาสู้ด้วยระบบ 4-4-2 ที่คุ้นเคย นำโดยเสาหลักของทีมอย่าง จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่,เธียร์รี่ คอร์เรอา,อันเดร อัลเมด้า,โทนี่ ลาโต้ และ จัสติน ไคลเวิร์ต เป็นต้น 

นาทีที่ 5 

โอกาสครั้วแรกในเกมตกเป็นของ ราชันชุดขาว จากจังหวะที่ โทนี่ โครส เปิดเตะมุมโยนเข้าดลางให้ มิลิเตา เทคตัวโหม่งหน้าประตู แต่บอลสุดท้ายทิศทางไม่ได้ บอลเลยปลิ้นออกหลังไปแบบได้เสียว 

นาทีที่ 14 

ราชันชุดขาว ครองบอลมากกว่าแล้วจังหวะนี้ก็บุกขึ้นมาได้ลุ้นใส่สกอร์อีกแล้ว เป็นจังหวะที่ เบนเซม่า เลี้ยงบอลฝ่าวงล้อมกองหลังของ บาเลนเซีย หลุดเข้าไปจบสกอร์ในกรอบเขตโทษได้สำเร็จ แต่เจ้าตัวดันยิงหลุดกรอบออกหลังไปเอง น่าเสียดาย 

นาทีที่ 39 เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0 

ช่วงท้ายครึ่งแรก เรอัล มาดริด ก็มาได้ประตูขึ้นนำสมใจ จากจังหวะที่ มิลิเตา สาดบอลยาวให้ เบนเซม่า ใช้ความเร็ววิ่งสอดไปรับบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน  โคแมร์ ทำฟาวล์ในจังหวะต่อมา กรรมการไม่รอช้า วิ่งมาแจกจุดโทษให้ มาดริด ทันที แล้วก็เป็น เบนเซม่า ที่ลุกกขึ้นมายิงลูกนี้ด้วยตัวเอง ส่งบอลเข้าประตูไปแบบนิ่มๆ 

หมดครึ่งเวลาแรก 

เรอัล มาดริด – 0

บาเลนเซีย – 0

นาทีที่ 46 บาเลนเซีย ตีเสมอ 1-1

กลับมาต่อครึ่งหลัง ได้แค่นาทีเศษ บาเลนเซีย ก็ตามตีเสมอได้เฉยเลย จากจังหวะที่ ลาโต้ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาโยนลึกไปเสาสองให้ ซามูเอล ลิโน่ เติมขึ้นมาเข้าฮอส ระยะเผาขนไม่มีเหลือ บาเลนเซีย ตีเสมอ 1-1 

นาทีที่ 51 

เรอัล มาดริด พยายามเร่งเครื่อง จรเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเหมือนกัน จากจังหวะที่ เบนเซม่า เก็บบอลในกรอบเขตโทษได้ ก่อนจะเลือกตวัดยิงเอง แต่น่าเสียดายบอลาุดท้ายยังติดเซฟของ มามาร์ดาชวิลี่ นิดเดียว 

นาทีที่ 87 

ช่วงท้ายเกม บัลเบร์เด้ มีโอกาสพาบอลหบุดขึ้นไปเปิดบอลทางฝั่งขวา โยนเข้ากลางให้ เบนเซม่า ได้ขึ้นเทคตัวโหม่งคนเดียวโล่งๆ แต่น้าเสียดายที่กดไม่ลง บอลสุดท้ายเลยเหินข้ามคานออกหลังไปอีกแล้ว 

หมดเวลาการแข่งขัน ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ในเวลาปกติ ทำให้ต้องไปลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ จนสุดท้ายกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ดวลฏีกาแม่นกว่า เอาชนะ บาเลนเซีย ผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศ ศึกซุปเปอร์โกปา ได้ตามเป้า