Powder (1995) พาวเดอร์ ชายเผือกสายฟ้าฟาด

Untitled06386

Powder เป็นหนังที่มีอะไรให้พูดถึงหลายอย่างอยู่ครับ

หนังว่าด้วยเรื่องของ เจเรมี รี๊ด หรือ พาวเดอร์ (Sean Patrick Flanery) ชายที่เกิดมาพร้อมผิวเผือกซึ่งถูกเลี้ยงดูในบ้านโดยไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งคุณตาของเขาจากไป นายอำเภอ ดั๊ก บาร์นัม (Lance Henriksen) เลยขอแรงให้ เจสซี่ (Mary Steenburgen) ช่วยมาดูแลและนำพาพาวเดอร์ออกจากห้องใต้ถุนมาสู่สังคมโลกภายนอก ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับว่าเพราะความแปลกแยกของเขาเลยทำให้คนส่วนใหญ่ตอบสนองเขาในเชิงลบ ยิ่งตัวเขามีปฏิกิริยาต่อไฟฟ้าด้วยก็ยิ่งทำให้คนพากันมองพาวเดอร์อย่างไม่ไว้ใจ

ปกติหนังว่าด้วยคนที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ ถ้าไม่ทำเป็นแนวชีวิต แนวเบาสมอง หรือแนว Feel Good ก็จะแหวกไปเป็นแนวสยองเลย แต่กับเรื่องนี้รสชาติมันกลั้วๆ กันอยู่ครับ โทนของหนังค่อนข้างอึมครึมดูลึกลับประมาณเดียวกันเรากำลังดู The X-Files แต่หนังก็ไม่ได้สยอง จริงๆ หนังออกจะเน้นไปที่แนวชีวิตด้วย แต่รสชาติมันก็กึ่มๆ ไม่ได้สดใส Feel Good แต่ก็ไม่ได้ Real อะไรมาก ดูแล้วก็ยังรู้สึกว่ามีการปรุงรสอยู่ตามสไตล์หนังยุค 90 แต่เป็นการปรุงรสที่ผสมๆ กันระหว่างความเป็นหนังชีวิตกับหนังลึกลับอึมครึม

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นไปได้หลายทางครับ โดยคนที่เขียนบทและกำกับคือ Victor Salva ที่ผลงานส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นแนวลึกลับสยองขวัญ อาทิเช่นไตรภาค Jeepers Creepers เป็นต้น ส่วนผลงานก่อนหน้าเรื่องนี้ก็คือ Clownhouse และ The Nature of the Beast ที่เป็นแนวระทึกขวัญ/สยองขวัญเหมือนกัน เลยเป็นไปได้ว่าที่หนังมันออกมาดูอึมครึมก็อาจเพราะรสมือของเขาจากสองเรื่องก่อนยังคงติดมาเรืื่องนี้ กล่าวคือแม้พี่เขาจะทำหนังชีวิตก็ตาม แต่องค์ประกอบบางอย่างจากหนังเรื่องก่อนๆ ก็อาจติดตามมา

อีกความเป็นไปได้หนึ่งก็เกิดจากการที่บรรยากาศในการถ่ายทำไม่ใคร่จะโอเคครับ เพราะ Salva นั้นต้องคดีล่วงละเมิดนักแสดงเด็ก Nathan Forrest Winters (ที่เคยร่วมงานกันตอนทำเรื่อง Clownhouse) และผลจากคดีนี้ก็ทำให้บรรยากาศในกองถ่ายค่อนข้างอึมครึม ถึงขั้นว่าทีมงานรู้สึกหวาดระแวง Salva ขึ้นมา เพราะทีมงานจำนวนหนึ่งต้องพาลูกหลานมาอยู่ที่กองถ่ายด้วย พวกเขาเลยไม่ไว้ใจที่จะให้ Salva มีปฏิสัมพันธ์กับลูกหลานของพวกเขา และเรื่องนี้ก็อาจส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของ Salva เลยอาจเป็นไปได้ที่ความอึมครึมนั้นจะส่งผลต่อโทนหนังครับ

Untitled06387

หรือไม่ตัว Salva เองก็อาจจะตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวให้ออกมาในโทนนี้ครับ โทนสีเทาๆ หม่นๆ เหมือนจะสะท้อนความจริงประการหนึ่งของโลกใบนี้ที่ทุกอย่างมันไม่ได้สวยหรูงดงาม แต่มันเจือผสมไปด้วยความดี-ความเลว ความสุข-ความทุกข์ บวก-ลบ ฯลฯ โทนหนังจึงออกมาผสมๆ กลั้วๆ กันอะไรประมาณนั้น

แต่ถ้าว่ากันถึงตัวหนังแล้ว จัดว่าดูได้แบบเรื่อยๆ ครับ หนังสะท้อนภาพความกลัวที่มนุษย์มีต่อสิ่งที่ตนไม่เข้าใจได้อย่างชัดเจน ดังที่จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ตอบรับต่อการมีตัวตนของพาวเดอร์ไม่ใคร่จะดีสักเท่าไร และในทางกลับกันมันก็ไม่แปลกครับที่พาวเดอร์จะซึมซับเอาพลังด้านลบนั้นเข้าไปในตัวและมีปฏิกิริยาเชิงลบสะท้อนกลับสู่สังคมบ้างในบางครั้งคราว

พาวเดอร์ก็เหมือนเป็นตัวแทนของสิ่งบริสุทธิ์จากธรรมชาติน่ะครับ เหมือนเด็กที่จะโตขึ้นมาเป็นแบบไหนก็ขึ้นกับการหล่อหลอมของคนรอบตัว และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในสังคม จุดนี้มันก็สะท้อนความจริงในโลกได้ไม่น้อยนะครับ ว่าหากผู้คนในโลกนี้กระทำกันแบบไหน สังคมโลกมันก็จะออกมาแบบนั้นนั่นแหละ และยิ่งไปกว่านั้นการกระทำของมนุษย์ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ตัวอย่างเช่นการที่เราใช้ทรัพยากรโลกอย่างไม่บันยะบันยังแล้วโลกก็เกิดเสียสมดุลย์ หรือเราใช้ชีวิตแบบทำลายธรรมชาติ แล้วธรรมชาติก็ย้อนกลับมาส่งผลร้ายต่อเราอะไรแบบนั้น

และสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ในเรื่องก็คือตัวละครทุกคนล้วนอยู่ในโทนสีเทาครับ ไม่มีใครที่ดีจ๋าแบบบริสุทธิ์ผุดผ่อง ตัวละครอย่างเจสซี่, นายอำเภอดั๊ก หรือคุณครูวิทยาศาสตร์ โดนัลด์ ริปลี่ย์ (Jeff Goldblum) แต่ละคนต่างก็มีอารมณ์ความรู้สึก มีช่วงที่พร้อมจะเปิดใจรับสิ่งต่างๆ แล้วก็มีช่วงที่ตกตะลึงอึ้งงงเมื่อเจอสิ่งที่ไม่เข้าใจ กล่าวคือพวกเขาก็คือปุถุชนคนธรรมดาแบบที่เราๆ ท่านๆ สามารถเจอได้ในโลกกว้างใบนี้

หรือกระทั่งคนที่ไม่ดีก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้ อย่างผู้ช่วยนายอำเภอฮาร์ลี่ย์ ดันแคน (Brandon Smith) ก็ถึงกับไม่กล้าจับปืนยิงใครหรืออะไรอีกต่อไปหลังเจอพาวเดอร์ใช้พลังทำให้เขาได้รู้สึกว่าตอนที่กวางกำลังจะตาย (อันเนื่องมาจากเขายิง) นั้นเป็นเช่นไร

บางทีหากมนุษย์สามารถเอาความรู้สึกเขา (หรือความรู้สึกของสรรพสิ่ง) มาใส่ในความรู้สึกเราได้ มันก็อาจส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมาย… หรือไม่ต้องมากมายก็ได้ครับ เพียงแค่คิดถึงบ้างสักนิดสักหน่อย โลกก็น่าจะโอเคกว่าที่เป็นแล้ว

Powder เป็นหนังเล็กๆ อีกเรื่องที่ชี้ชวนให้เราหันมาตรวจสอบตนเองว่าเรานั้นมีปฏิสัมพันธ์ต่อคน ต่อสัตว์ ต่อโลกอย่างไร

เราคิดถึงแต่ตัวเองจนไม่สนใจคนอื่นไหม?

เรากระทำต่อธรรมชาติแบบไม่สนใจผลที่จะตามมาไหม?

เราเปิดกว้างที่จะทำความเข้าใจต่อสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยมากน้อยเพียงไหน?

เราเคยทำ (หรือกำลังทำ) ให้ใครต้องบาดเจ็บทางจิตใจบ้างหรือไม่? (ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม)

การทบทวนอดีตที่เราเคยเป็น และสำรวจปัจจุบันที่เรากำลังเป็น จะทำให้รู้ว่าเรามาจากไหนและกำลังอยู่ที่ไหน

และนั่นคือองค์ประกอบสำคัญที่จะส่งผลต่อไปถึงวันพรุ่งและวันต่อๆ ไป… บางทีการทบทวนที่ว่านี้ อาจมีส่วนช่วยให้วันต่อไปของเรา มีอะไรที่ดีๆ มากขึ้น

Powder ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยครับ หนังลงทุนไปราว $9.5 ล้าน แล้วได้กลับคืนมาราวๆ $30 ล้าน ตัวหนังช่วงที่ออกฉายก็โดนกระแสต่อต้านอยู่บ้าง ไม่ใช่ต่อต้านหนังนะครับ แต่ต่อต้านตัวผู้กำกับ Salva ที่มีคดีติดตัว จนบางทีกระแสที่ว่าก็บดบังบางสิ่งที่หนังพยายามจะบอกกล่าวกับเรา

สำหรับเรื่องนี้ ลองดูสักทีก็ไม่เลวครับ สำหรับผมแล้ว ผมอาจจะไม่ถึงกับชอบหนังมากนัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะรสชาติที่ดูกลั้วๆ กันมากกว่าจะกลมกล่อม เลยไม่ทำให้อินไปกับหนังได้แบบเต็มที่ แต่กระนั้นรสชาติที่ไม่ค่อยเหมือนใครของหนังก็ทำให้ตัวหนังเองน่าจดจำในแบบของมัน อีกทั้งสาระชวนคิดก็ทำให้ผมรู้สึกในเชิงบวกกับหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากจบที่อาจจะดูลงสูตรอยู่ แต่ถือว่าจบได้เหมาะสมกับเรื่องราวมากทีเดียว ^_^

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)