RIP…’มิไฮโลวิช’ เสียชีวิตแล้วในวัย 53 ปี

ซินิซา มิไฮโลวิช อดีตนักเตะของ ลาซิโอ, อินเตอร์ มิลาน และอดีตกุนซือของ เอซี มิลาน เสียชีวิตลงแล้วในวัย 53 ปีหลังต่อสู้กับอาการป่วยลูคีเมียตลอดช่วงที่ผ่านมา

มิไฮโลวิช ตรวจพบว่าเป็นลูคีเมียในปี 2019 และเข้ารับการรักษาไปแล้วรอบนึง แต่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาเปิดเผยว่าอาการป่วยกลับมาอีกครั้งและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดอีกรอบ

เขายังทำหน้าที่กุนซือของ โบโลญญ่า ต่อในช่วงที่รับการรักษา แต่สุดท้ายก็ออกจากตำแหน่งในเดือนกัยายนหลังออกสตาร์ทฤดูกาลด้วยผลงานไม่ดี

อย่างไรก็ตามครอบครัวของ มิไฮโลวิช เปิดเผยว่าอดีตนักเตะได้เสียชีวิตลงแล้วในวัย 53 ปี

ครอบครัวของเขาได้ยืนยันผ่านแถลงการณ์ว่า “ภรรยา, ลูกๆ, หลาน, แม่และพี่น้องต่างเจ็บปวดที่ต้องแจ้งถึงการจากไปก่อนกำหนดของ ซินิซา มิไฮโลวิช ผู้เป็นทั้งสามี, พ่อ, ลูกและพี่น้องอันเป็นแบบอย่าง”

“เขาคือคนที่ไม่เหมือนใคร, เป็นมืออาชีพอันยอดเยี่ยม, คอยช่วยเหลือและดีต่อทุกคน เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญต่อโรคอันโหดร้าย”

“เราขอขอบคุณแพทย์และพยาบาลที่คอยช่วยเหลือเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา, ด้วยรักและความเคารพ, โดยเฉพาะ ฟรานเชสก้า โบนีฟาซี, อันโตนิโอ คูร์ติ, ศาสตราจารย์อเลสซานโดร รัมบัลดี้และแพทย์ลูก้า มาร์เคตติ”

“ซินิซา จะอยู่เคียงข้างเราตลอดไป เราจะใช้ชีวิตด้วยความรักที่เขามอบให้เรา”

มิไฮโลวิช เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งกับทีมในบ้านเกิดอย่าง วอจโวดิน่า และ เรดสตาร์ เบลเกรด ก่อนย้ายมาโลดแล่นในอิตาลีโดยอยู่กับ โรม่า, ซามพ์โดเรีย, ลาซิโอ และ อินเตอร์

เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดตอนเล่นให้กับ ลาซิโอ อยู่ 6 ฤดูกาล โดยพาทีมคว้าแชมป์สคูเด๊ตโต้ 1 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย, แชมป์อิตาเลียน ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย, แชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัยและแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพอีกสมัย

จากนั้น มิไฮโลวิช ส่งท้ายเส้นทางการค้าแข้งด้วยการย้ายมาอยู่กับ อินเตอร์ และคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในฤดูกาล 2005-06 รวมถึงโคปปา อิตาเลียอีก 2 สมัย

มิไฮโลวิช เริ่มต้นเส้นทางสายกุนซือด้วยการเป็นผู้ช่วยที่ “เนรัซซูรี่” ก่อนตระเวนคุมมาหลายทีมไม่ว่าจะเป็น โบโลญญ่า, คาตาเนีย, ฟิออเรนติน่า, ทีมชาติเซอร์เบีย, ซามพ์โดเรีย, เอซี มิลาน, โตริโน่, สปอร์ติ้ง ลิสบอน และกลับมาคุม โบโลญญ่า เป็นทีมสุดท้าย

เขายังผ่านการลงสนามให้ทีมชาติ ยูโกสลาเวีย ไป 63 เกมและยิงได้ 10 ประตู นอกจากนี้ยังได้เล่นฟุตบอลโลก 1998 และยูโร 2000 ด้วย