“อังกฤษ” ระวังเป็นได้แค่ “เทพ” รอบแบ่งกลุ่ม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับว่า อังกฤษ ไม่เคยชนะในนัดเปิดสนาม ยูโร มา 50 ปีแล้วรวมทั้งสิ้น 9 นัดจนกระทั่งมาทำได้ในเกมชนะ โครเอเชีย หวุดหวิด 1-0

ด้วยน้ำมือของ แกเรธ เซาธ์เกท กุนซือผู้มีการทำทีมในแบบฉบับของตัวเองโดยมีเส้นบางๆระหว่างอัจฉริยะและคนบ้าคั่นอยู่

ก่อน kick-off ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะกำหมัดและสบถออกมาเล็กน้อยหลังเห็น line up แปลกๆ

แบ็คซ้ายฟอร์มดีทั้ง ลุค ชอว์ หรือ เบน ชีเวลล์ ก็มีแต่ดันโยกเอา คีราน ทริปเปียร์ มายืนแทน

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ชั่วโมงนี้ยังไงก็สู้ แจ็ค กรีลิช หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่ได้กลับโผล่ออกสต๊าร์ต

ถ้าพิจารณาจากรูปเกมและได้ลูกสด (บดคนแก่) การที่ “สิงโตคำราม” เบียดชนะแค่ลูกเดียวถือว่าน่าผิดหวังด้วยซ้ำ

โดยเฉพาะ 15 นาทีแรกควรมีประตูอย่างที่สุดหลัง อังกฤษ เหมือนฝูง ไฮยีน่า ที่อดอาหารมา 5 วันมาอย่างดุจน ฟิล โฟเด้น ยิงไปจูบเสาหรือ คัลวิน ฟิลลิปส์ ซัดไกลถูกปัด

ยิ่งทีม “ตราหมากรุก” แสดงให้เห็นว่าสภาพทีมที่โรยราชุดนี้ไร้ความอันตรายในเกมรุกจนน่าใจหาย หลายคนดูเชื่องช้าเกินไปในเกม speed เช่นนี้

ลูก้า โมดริดช ที่แบกอายุไม่พอยังมาแบกเพื่อนร่วมทีมซึ่งแกเองก็ไม่ใช่ซูเปอร์แมนที่ไหนจึงทำได้แค่คุมจังหวะเกมและแจกจ่ายตามกำลังทรัพย์

เกมรุกอันน้อยนิดของ โครแอต (ที่กระท่อนกระแท่น) ต้องลำเลียงผ่านริมเส้นซะส่วนใหญ่ (ซึ่งไม่มีทีเด็ดความแน่นอนในการเปิดใดๆ)

เพราะการมาทื่อๆทะลุทะลวงตรงกลางหมดสิทธิ์เนื่องจาก “สิงโตคำราม” อัดแน่นกลางมา 5 ตัว คล่องกว่าไวกว่า โดยให้ เดคลาน ไรซ์ และ คัลวิน ฟิลลิปส์ ยืนคู่กันหน้าเซนเตอร์

แต่ในระหว่างที่ครองบอลและปั้นเกมรุก ไรซ์ จะปักอยู่หน้าเซนเตอร์ทำให้แข้งจอมขยันจาก ลีดส์ มีอิสระจนกลายเป็นที่มาของการหลบ 2 ก่อน แอสซิสต์ให้ สเตอร์ลิ่ง ในนาที 57

เรื่องความฟิตของ ฟิลลิปส์ ไม่ต้องห่วง วิ่งได้ทั้งวันตามสไตล์ของ บิเอลซ่า เจ้านายที่สโมสร คู่ควรกับ MOM อย่างแท้จริง

พูดก็พูด เราก็แอบงงในระบบทีมพอสมควร เพราะ เซาธ์เกท มักยืนพื้นที่หลัง 3 แล้วใช้วิงแบ็คเติมเป็น format หลัก นั่นเป็นเหตุผลที่แกเลือกอัดแบ็คขวามา 4 ตัวเพราะ ไคล์ วอล์กเกอร์ ยืนเซนเตอร์ฝั่งขวาได้

ที่น่ารำคาญพอๆกับเพลง แอโรซอฟ ก็ ราฮีม นี่แหละครับ แม้ยิงประตูชัยแต่จากโอกาสที่แกได้คนเดียวล้วนๆถือว่าเลอะเทอะมาก

มาถึงตรงนี้ ผมจึงอยากบอกว่าคุณภาพฝีเท้าของ อังกฤษ ในรอบแบ่งกลุ่มไม่ว่าทัวร์นาเมนท์ไหนมันไม่มีปัญหาหรอกครับ

แต่มันจะมาตายตรงรอบน็อกเอาท์นี่แหละ ทุกยุคทุกสมัยมักมีความ “ใสซื่อ” หรือ naive (ทั้งโค้ชและผู้เล่น) ยามอยู่บนเวทีใหญ่

การมีนักเตะให้เลือกเยอะก็เป็นอีกพอยต์ที่ทำให้กุนซือมักจะยัดๆแข้งที่มีชื่อเสียงลงสนามให้มันจบๆแฮปปี้ทุกฝ่าย

นี่ยังไม่พูดถึงแรง “กดดัน” ภายนอกที่มักมีส่วนเสมอมาเนื่องจากสื่อ “ผู้ดี” ยังติดกับความเป็นที่ 1 ในยุคเก่าๆ ความร่ำรวยของลีกตัวเองจึงอวยเกินเบอร์ (อย่างที่ โมดริช แซะวันก่อน) อวยเสร็จลงข่าวล้วงลึก มีแผนอะไรบอกชาวบ้านหมด

ถ้าเทียบกับ อิตาลี, เบลเยียม หรือพวก ฝรั่งเศส และ สเปน (ที่ยังไม่ลงเล่น) ทรงบอลยังเทียบไม่ติดและผมคิดว่าด้วยขุมกำลังที่มี อังกฤษ ควร “ว้าว” กว่านี้

วันนี้เห็นชนะมา ผมเอาเบาะๆแค่นี้ก่อน…