ขุนพลอัซซูร์รี่ “อิตาลี” ดวลจุดโทษเอาชนะ “สเปน” ไปอย่างสนุก 4-2

เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทีมชาติ อิตาลี กับ ทีมชาติ สเปน ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่แรก โดยเล่นกันที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (สนามกลาง) ในค่ำคืนวันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ ทีมชาติ อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมจากยูเวนตุส ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ดจากนาโปลี และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีจากลาซิโอ

ขณะที่ทางฝั่งทีมชาติ สเปน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย อายเมริค ลาปอร์กต์ ปราการหลังตัวเก่งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางห้องเครื่องจากบาร์เซโลน่า และ มิเกล โอยาร์ซาบัล กองหน้าตัวความหวังจากเรอัล โซเซียดาด

นาที 3

เริ่มเกมมาแค่แปปเดียว ทีมชาติ อิตาลี ได้ลุ้นก่อนเลย เป็นจังหวะ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ไหลบอลขึ้นหน้าให้ นิโคโล่ บาเรลล่า ได้สปีดไปถึงบอลได้ก่อน อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูสเปน ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะหาช่องปั่นเร็วไปชนเสาไกลขวามือเต็ม ๆ แต่ไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้า ถ้าเข้าก็ไม่ได้อยู่ดี

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 10

ทีมชาติ สเปน ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เปดรี้ ลากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล เกือบได้หลุดเดี่ยวอยู่แล้ว แต่เพราะเจ้าตัวเกี่ยวบอลไม่ดี แถม เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ตามมาช่วยตัดบอลไว้ได้ทัน

นาที 15

ทีมชาติสเปน ตัดบอลได้ตรงกลางสนาม จังหวะนี้ นิโคโล่ บาเรลล่า จ่ายบอลพลาดโดน เฟร์ราน ตอร์เรส ฉกได้แล้วพาบอลมาถึงหน้าเขตโทษ โยกหนี จอร์จินโญ่ ไปได้สวย ก่อนจะวางเท้ากดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งหลุดกรอบเสาแรกซ้ายมือ ออกหลังไปแบบได้ลุ้นทีเดียว

นาที 21

ทีมชาติ อิตาลี พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ เติมสูงขึ้นมารับบอลชิ่ง หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูสเปน พยายามจะออกมาตัดบอลไกลจากประตูแต่ไม่ทัน เอแมร์ซอน ไหลย้อนคืนให้ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ไหลเร็วมาที่หน้าเขตโทษให้ นิโคโล่ บาเรลล่า พยายามจะหาช่องยิง แต่สุดท้ายก็โดนแนวรับสเปน มาช่วยขวางไว้ได้ทัน

นาที 25

ทีมชาติ สเปน น่าได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ ตัดบอลได้ที่หน้าเขตโทษของอิตาลี เปดรี้ แทงบอลให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา พยายามจะล็อคหนี จอร์โจ้ คิเอลลินี่ แต่ไม่ผ่าน บอลกระดอนมาที่กลางประตูเข้าทาง ดานี่ โอลโม่ ได้วางเท้าแปด้วยขวาติดบล็อก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กระเด้งมาที่เจ้าตัว ได้แปด้วยขวาเลือกมุมเน้น ๆ อีกครั้ง แต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี โชว์ซุปเปอร์ ทิ้งตัวปัดไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

นาที 32

ทีมชาติ สเปน บุกหนักขึ้นมาตรงกลาง ดานี่ โอลโม่ ลากพาบอลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะวางเท้าลองส่องไกลด้วยขวาระยะประมาณ 20 หลา ทว่าบอลพุ่งแรง เหินข้ามคานออกไปไกลแบบไม่ได้ลุ้นเลย

นาที 39

ทีมชาติ สเปน พยายามจะเล่นเกมเร็วเข้าเล่นงานเกมรับอิตาลี จังหวะนี้ ดานี่ โอลโม่ ไหลออกซ้ายให้ จอร์ดี้ อัลบา ที่เติมสูงขึ้นมา ได้หลุดไปถึงกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะจ่ายขวางสนามไปที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้ลองปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่บอลโค้งไม่พอ เหินข้ามคานออกไปไกล อีกครั้งหนึ่ง

นาที 44

ช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมชาติ อิตาลี ได้ลุ้นเน้น ๆ เหมือนกัน เป็นจังหวะที่ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้บอลทางกราบซ้าย ก่อนจะติดเครื่องลากจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ดึงจังหวะรอเพื่อน ก่อนจะไหลบอลตัดหลังแนวรับให้ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ที่วิ่งสอดตามหลังขึ้นมา ได้วางเท้าซัดด้วยซ้ายเต็ม ๆ ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที บอลพุ่งแรงไปเช็ดคานนิดนึง หลุดออกหลังไป อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีม ยังถือว่าเล่นกันได้อย่างสูสี ทีมชาติ สเปน ครองบอล บุกใส่ได้มากกว่าอยู่พอสมควรตามสไตล์ แต่ทีมชาติ อิตาลี ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวแน่น ยังยันไว้ได้สบาย สกอร์ตอนนี้ อิตาลี 0 สเปน 0 !!!

นาที 49

ทีมชาติ สเปน ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง มิเกล โอยาร์ซาบัล เลี้ยงจี้ขึ้นมาเอง ก่อนจะไหลไปยังริมเส้นฝั่งขวาให้ ดานี่ โอลโม่ ได้ตั้งป้อมบรรจงครอสบอลโค้งมาที่หน้าประตู บอลกำลังจะถึง เฟร์ราน ตอร์เรส ได้ชาร์จจ่อ ๆ อยู่แล้วแต่ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ตามลงมาสกัดทิ้งไว้ได้ทันก่อนเฉียดฉิว

นาที 51

ทีมชาติ สเปน น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ สวนกลับเร็วขึ้นมาทางกราบขวา มิเกล โอยาร์ซาบัล พาบอลขึ้นมาเอง เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษ ลากตัดเข้าใน แล้วไหลมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ได้วางเท้าปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ บอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี ไปได้แล้ว แต่มุดช้าไปนิดเดียว เฉียดคานหลุดออกหลังไป อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 52

ทีมชาติ อิตาลี ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง นิโคโล่ บาเรลล่า ไหลออกมาทางขวาให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ได้ติดเครื่องเลี้ยงจี้เข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา พยายามจะโยกหนี จอร์ดี้ อัลบา แล้วยิงเร็วด้วยขวา แต่บอลก็ยังพุ่งไปตรงตัวของ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูสเปน ที่ยังยืนตำแหน่งได้ดี ล้มตัวคว้าไว้ได้สบาย

นาที 57

ทีมชาติ สเปน บุกขึ้นมาตรงกลาง มิเกล โอยาร์ซาบัล โยกหลบ จอร์จินโญ่ หลุดมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงเป็นจรวด แต่ดันไปตรงตัวของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี รับไว้ได้สบาย

นาที 59 GOAL!!!

ทีมชาติ อิตาลี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาทางกราบซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ดีดบอลด้วยขวาไซด์ก้อยทะลุช่องให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ กำลังจะได้หลุดเดี่ยวแต่ อายเมริค ลาปอร์กต์ สไลด์ขวางไว้ได้ทัน บอลกระดอนมาเข้าทาง เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่วิ่งตามขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ได้โยกเข้าเหลี่ยมเท้าขวา แล้วปั่นเร็วโค้งสวยหนีตัว อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูสเปน เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 65

ทีมชาติ สเปน น่าได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของอิตาลี โกเก้ ตักบอลโด่งอย่างสวย ไปที่หน้าเสาไกลขวามือถวายพานให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้วิ่งสอดไลน์มาโหม่งสะบัดเน้น ๆ โล่ง ๆ แต่เจ้าตัวดันโหม่งวืด บอลหลุดออกหลังไป แบบไม่น่าให้อภัยสุด ๆ

นาที 65

ทีมชาติ สเปน เปิดเกมรุกอย่างหนัก เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลโด่งจากทางกราบขวา เข้าไปที่กลางประตูให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ที่ยืนหันหลังให้ประตู ได้เบิ้ลบอลย้อนหลังมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ ดานี่ โอลโม่ ได้วิ่งมายิงด้วยขวาเน้น ๆ แต่บอลติดไซด์ก้อย ปลิ้นเฉียดเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปอีก

นาที 68

เกมแลกกันอย่างสนุก ทีมชาติ อิตาลี ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากเลื้อยขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วไหลบอลตัดหลังแนวรับ ไปยังพื้นที่ว่างหน้าเสาแรกขวามือให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้โฉบขึ้นไปยิงเร็วด้วยขวา แต่บอลก็ยังไปติดเซฟของ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูสเปน ที่ยืนคุมเสาอยู่พอดี ใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ทัน

นาที 79 GOAL!!!

ทีมชาติ สเปน มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! เป็นจังหวะ อัลบาโร่ โมราต้า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนจะเลี้ยงจี้ขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ แล้วทำชิ่ง 1-2 กับ ดานี่ โอลโม่ ได้หลุดเดี่ยวทะลุเข้าไปในเขตโทษ แล้วบรรจงแปด้วยซ้าย เบียดเสาซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย หมดสิทธิ์สำหรับ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี

นาที 84

ทีมชาติ สเปน บุกขึ้นมาทางขวา อัลบาโร่ โมราต้า สปีดตามมาเก็บบอลได้ ก่อนจะไหลมาที่หน้าเขตโทษให้ เคราร์ด โมเรโน่ ได้วางเท้าปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปไกล

นาที 97

ทีมชาติ สเปน ได้ฟรีคิกบริเวณกราบซ้าย ดานี่ โอลโม่ เล่นลูกลักไก่ หลอกว่าจะเปิด แต่ยิงยัดมาที่กลางประตูดื้อ ๆ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี ปัดออกมาที่เสาสองเข้าทาง อัลบาโร่ โมราต้า ได้ซ้ำก็ยังติดบล็อกแนวรับอิตาลี หลุดออกหลังไปนิดเดียว

นาที 102

ทีมชาติ สเปน ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของอิตาลี จังหวะนี้ เคราร์ด โมเรโน่ สาดโด่งเข้ากลาง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี ออกมาชกบอลไม่ดี บอลเลยมาเข้าทาง มาร์กอส ยอเรนเต้ ได้ซ้ำ แต่ก็ยังถูก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ช่วยบล็อกไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 120

ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสองฝ่าย ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ต้องดวลลูกจุดโทษตัดสิน แล้วเป็น ทีมชาติ  อิตาลี ที่แม่นโทษกว่า เอาชนะ ทีมชาติ สเปน ไปได้ในที่สุด ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมชาติ อิตาลี เสมอกับทีมชาติ สเปน ในช่วงต่อเวลาพิเศษไป 1-1 !!! ก่อนจะชนะการดวลจุดโทษด้วยสกอร์ 4-2 !!! ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะรอพบกับผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เดนมาร์ก ที่จะแข่งกันในคืนวันพุธที่ 7 กรกฎาคม นี้