“ตาหวาน” อยู่ในช่วงท้าทายสุดของอาชีพ – ชมสปิริตแข้งจิ้งจอก

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดของตนในอาชีพผู้จัดการทีม หลังจากที่ทีมมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพียบ

พรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทีม “จิ้งจอก” บุกไปโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำก่อนในครึ่งแรก 4-0 แต่ครึ่งหลังพวกเขามีแรงฮึดยิงไล่ตีตื้นรวดเดียวเป็น 4-3 แต่สุดท้ายแผ่วปลายและแพ้ไป 6-3

เกมนี้ร็อดเจอร์สต้องเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงจากเกมลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ถล่มชนะนิวคาสเซิล 4-0 ถึง 6 ตำแหน่ง เนื่องจาก จอนนี่ อีแวนส์, ชากลาร์ โซยุนชู, ฮาร์วีย์ บาร์นส์, ริคาร์โด้ เปเรย์ร่า และ แพตสัน ดาก้า มีชื่อไปเพิ่มอยู่ในลิสต์ตัวเจ็บทั้งหมด

นอกจากนี้กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือยังยอมรับว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนตัว เจมี่ วาร์ดี้ และ วิลเฟรด เอ็นดิดี้ ที่อยู่บนม้านั่งสำรองได้ เนื่องจากทั้งคู่ไม่ฟิตพร้อม แถมช่วงอบอุ่นร่างการยังมาเสีย ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่เจ็บไปอีกคน

ทำให้พวกเขาชนะแค่ 1 จาก 5 นัดหลังสุดจากทุกรายการ ในพรีเมียร์ลีกนั้นหล่นไปเป็นที่ 10 ของตาราง

เมื่อถามว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุดที่เขาเคยเจอมาหรือไม่ ร็อดเจอร์สบอกว่า “ใช่ แน่นอนเลย”

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นความท้าทายอย่างมาก เราไม่ได้จะโอดครวญอะไรนะ คุณก็เห็นว่าเราขาดผู้เล่นที่ไม่พร้อมลงเล่นไปแค่ไหน”

“เกมรุกเราทำได้ดีมาก แต่ถ้าคุณขาดผู้เล่นเหมือนอย่างที่เรากำลังเป็น มันคือความท้าทายอย่างมาก”

“การเสียอีแวนส์, โซยุนชู, เปเรย์ร่า, เจมส์ จัสติน และ เวสลีย์ โฟฟาน่า ไปจากทีมเรามันเป็นเรื่องใหญ่มาก เราต้องพยายามหาทางแก้ เราจะสู้ต่อไป”

“ผลการแข่งนั้นแน่นอนว่าน่าผิดหวัง แต่คุณต้องดูสภาพของทีมและผู้เล่นที่เราขาดไปด้วย เรามีทีมไม่ใหญ่พอเหมือนอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล หรือ เชลซี ที่จะสามารถผ่านมันไปได้”

“แต่สิ่งที่ผมคาดหวังคือและได้เห็นมันคือเกมในครึ่งหลังที่เต็มไปด้วยสปิริตและคุณภาพในเเวลาที่เรามีโอกาส” เขากล่าว