เป๊ปถอนแค้น “แมน ซิตี้” บุกมาเฉือนเอาชนะ “เชลซี” ไปได้ถึงถิ่น 1-0!!

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่หก เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เชลซี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล มาเล่นในระบบ 3-5-2 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับพลังไดนาโม มาเตโอ โควาซิช กองกลางตัวสร้างสรรค์เกม และ โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เควิน เดอะ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์จอมแอสซิสต์ แจ็ค กรีลิช ตัวทำเกมริมเส้น และ กาเบรียล เชซุส ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

นาที 10

เปิดฉากครึ่งแรกมา ทั้งสองทีมยังเล่นกันแบบรัดกุม ไม่เปิดน่าแลกกันมากนัก เป็นทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลบุกได้เหนือกว่าตามสไตล์ ส่วนทางเจ้าถิ่น เชลซี ยังคงคุมโซน ตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่นเช่นเคย ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์ให้แฟน ๆ ได้ชมด้วยกันทั้งคู่

นาที 15

เจ้าถิ่น เชลซี ได้ทักทายก่อน จากจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว โรเมลู ลูกากู พักบอลรอเพื่อนตรงกลางสนาม เจ้าตัวไหลสั้น ๆ ให้ มาร์กอส อลอนโซ่ แทงทะลุช่องจังหวะเดียวให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้กระชากหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดให้ดาวยิงทีมชาติเบลเยี่ยม ที่วิ่งสอดตามขึ้นมาได้พยายามเข้าชาร์จแต่ไม่โดน สุดท้ายเป็น อายเมอริก ลาป๊อร์ก ล้มตัวสกัดทิ้งออกมาได้ทัน

ไฮไลท์ฟุตบอล

นาที 18

เจ้าถิ่น เชลซี ได้บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้เป็น ติโม แวร์เนอร์ เจ้าเก่า ลากบอลจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวล็อกหนี รูเบน ดิอาส ตัดเข้าใน ก่อนจะซัดด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงไปติดบล็อกของ ไคล์ วอล์คเกอร์ เต็ม ๆ กระเด้งออกมาต้องเริ่มกันใหม่หมด

นาที 28

เกมดำเนินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าถิ่น เชลซี ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่อ รีช เจมส์ มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือมาดเด็กเนิร์ด ถอดเจ้าตัวไปให้แพทย์ดูอาการ แล้วจัดการส่ง ติอาโก้ ซิลวา เซ็นเตอร์แบ็คตัวเก๋าทีมชาติบราซิล ลงสนามมาเล่นกองหลังตัวกลาง แล้วดัน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ขึ้นไปเล่นเป็นวิงแบ็คฝั่งขวาแทน

นาที 33

ทีมเยือน เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เครื่องเริ่มร้อน ดันเกมสูงกันขึ้นมาขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ โรดรี้ ค่อย ๆ พาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวเห็นไม่มีใครเข้าประกบ ก่อนจะตัดสินใจก้มหน้าบรรจงวางเท้าซัดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวไปแฉลบบล็อกของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กระดอนออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

นาที 38

โอกาสของทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มทยอยมามากขึ้นเรื่อย ๆ จังหวะนี้ เควิน เดอ บรอยน์ ขอลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ ที่หน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดและติดส่าย แต่ทว่ายังไม่เข้าเป้า เหินเฉียดคานไปนิดเดียว ลอยออกหลังไปแบบได้ลุ้นสุด ๆ

นาที 40

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ แจ็ค กรีลิช ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหนีตัวประกบแล้วตักบอลเร็วเข้าไปในเขตโทษให้ กาเบรียล เชซุส ได้พักอกเอาบอลลง ก่อนจะตวัดยิงเร็วด้วยซ้ายเน้น ๆ  แต่ช้อนใต้ลูกมากไปหน่อย สุดท้ายบอลลอยออกหลังไปไกลอย่างน่าเสียดาย

ไฮไลท์ฟุตบอล

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังไม่เปิดเกมแลกกันมากนัก รูปเกมเป็นแบบเน้นแท็กติก เล่นกันแบบอดทนและรัดกุม สู้กันตรงกลางสนามซะส่วนใหญ่ ถึงแม้ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะครองบอลได้มากกว่าพอสมควรก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังเจาะแนวรับของเจ้าถิ่น เชลซี ไม่เข้า เสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!! 

นาที 48 

เริ่มครึ่งหลังมาปุ๊ป เป็นทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ทักทายก่อนทันที เป็นจังหวะต่อบอลกันมาถึง แจ็ค กรีลิช บริเวณหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวแต่งหาช่อง ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลออกจากเท้าน้ำหนักกำลังดี ทว่าทิศทางบอลยังโค้งไม่พอ พุ่งถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแบบได้เสียว

นาที 53 GOAL!!!

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ เควิน เดอ บรอยน์ ทางกราบซ้าย ไหลมาที่หน้าหัวกระโหลกให้ ชูเอา คันเซโล่ ง้างเท้าหลอกยิงล็อกเข้าซ้าย ก่อนจะกดเลียดเน้น ๆ นอกกรอบ พุ่งไปตรงตัวของ กาเบรียล เชซุส ที่ยืนหันหลังให้ประตูอยู่ได้โชว์ความยอดเยี่ยม แต่งบอลแล้วกลับตัวซัดด้วยขวาหักข้อเน้น ๆ บริเวณจุดโทษ ส่งบอลไปแฉลบขาของ จอร์จินโญ่ เปลี่ยนทางเบียดเสาซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทำได้แค่หันมองเท่านั้น

นาที 58

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะความยอดเยี่ยมของ แจ็ค กรีลิช เจ้าตัวติดเครื่องลากบอลจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย โยกหลอก อันเดรส คริสเตนเซ่น ได้อย่างสวย ก่อนจะยิงเร็วไปติดเซฟของ เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนคุมเสาแรกอยู่ ผวาพุ่งปัดปลายมือเอาไว้ได้นิดนึง บอลผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาไกล หลุดออกหลังไปนิดเดียว

นาที 60

เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม รูปเกมของเจ้าถิ่น เชลซี ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด เดือดร้อนถึง โธมัส ทูเคิ่ล ต้องแก้เกมด้วยการส่ง ไค ฮาแวร์ทซ์ จอมทัพตัวสร้างสรรค์เกมทีมชาติเยอรมัน ลงสนามมาปั้นเกมแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับจอมขยัน ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก ไปพักก่อนเพื่อนเลย 

นาที 61

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะได้ประตูหนีห่างแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ ชูเอา คันเซโล่ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะเปิดเลียดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ออกมาตัดบอลไม่ดี ปัดไปเข้าทางปืนของ กาเบรียล เชซุส ได้ตามมาซ้ำเน้น ๆ ทว่าเป็น อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เซ็นเตอร์แบ็คเนื้อหอม ตามมาเคลียร์บอลทิ้งจากเส้นออกมาได้ทันเฉียดฉิว

นาที 63

เจ้าถิ่น เชลซี เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ ไค ฮาแวร์ทซ์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะตัดสินจ่ายบอลให้ โรเมลู ลูกากู ซัดโล่ง ๆ ง่าย ๆ เข้าประตูไป ทว่า ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าของ ตัวรุกชาวเยอรมัน ไปเสียก่อน ดีใจเก้อกันไปสำหรับทัพสิงห์บลูส์

นาที 71

เจ้าถิ่น เชลซี บุกสวนกลับเร็วขึ้นมา จังหวะนี้ โรเมลู ลูกากู อาศัยความแข็งแกร่งเบียดเอาชนะ อายเมอริก ลาป๊อร์ก พักบอลจ่ายต่อมาให้ มัตเตโอ โควาซิช กระชากพาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะหวดเร็วด้วยขวานอกกรอบทันที แต่เป็น รูเบน ดิอาส ยังเหนียวแน่น กระโดดมาขวางทางปืน ใช้ขาบล็อกบอลเอาไว้ได้ทัน เสียเป็นเตะมุม

นาที 79

เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก จังหวะนี้ ที เยือน เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งขวา แล้วเป็น เควิน เดอ บรอยน์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งลึกไปที่เสาไกลให้ อายเมอริก ลาป๊อร์ก วิ่งโฉบมากระโดดยิงโล่ง ๆ ส่งบอลหลุดกรอบ เฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น

นาที 83

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เบียดแย่งบอลมาได้ตรงกลางสนาม ก่อนจะแทงทะลุช่องเร็วให้ แจ็ค กรีลิช ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปจิ้มเร็วในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายเป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่วิ่งออกมาปิดมุมได้ไว ทิ้งตัวบล็อกบอลเอาไว้ได้ทัน

ไฮไลท์ฟุตบอล

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น เชลซี ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! เขยิบขึ้นมารั้งรองจ่าฝูงของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเชลซี รั้งอันดับที่ 3 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเซาธ์แฮมป์ตัน ในวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม ก่อนหน้าหนึ่งวัน