เรือใบ โชว์แกร่งครึ่งหลัง! พลิกแซงชนะ สเปอร์ส สุดมัน 4-2  

นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้  กับ สเปอร์ส ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ใน ศึก พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมาเล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 นำโดยดาวดังของทีมเหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอแดร์ซอน,จอห์น สโตนส์,อิลคาย กุนโดกัน,เออร์ลิ่ง ฮาลันด์,แจ๊ค กรีลิช, ริยาด มาห์เรซ 

ขณะที่ สเปอร์ส จะมาสู้ด้วยระบบ 3-4-3 ที่พวกเขาคุ้นเคย นำโดยแกนหลักขาประจำอย่าง อูโก้ ญอริส,เบน เดวิส,โรดริโก้ เบนตานคูร์,แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน เป็นต้น 

นาทีที่ 44 สเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0

ครึ่งแรกกว่าจะมีประตูต้องจนถึง น.44 และเป็น สเปอร์ส ที่บุกได้น้อยกว่าเป็นฝ่ายทำประตูออกนำได้ก่อน จากจังหวะที่ แนวรับของซิติ้โดนบีบเสียบอลในกรอบเขตโทษ สุดท้ายบอลหลุดไปเข้าทาง คูลูเซฟสกี้ ยิงจ่อๆ ใส่สกอร์ไม่มีพลาด 

นาทีที่ 45+2 สเปอร์ส นำห่าง 2-0 

แมนซิตี้ เสียสมาธินิดเดียวพลาดโดน สเปอร์ส หนีห่างเป็น 2-0 จนได้ จากจังหวะที่ เคน เลี้ยงบอลผ่าน โรดรี้ หลุดไปสุดเส้นหลังก่อนจะ เลือกยิงยัดมุมแคบ ติดเซฟ เอแดร์ซอน แต่บอลมันดันปลิ้นไปเข้าทาง เอแมร์ซอน รอยัล ที่ยืนรออยู่แล้ว โหม่งจ่อๆ สวนเข้าประตูไปอย่างสวย 

หมดครึ่งเวลาแรก 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ – 0

สเปอร์ส – 2

นาทีที่ 51 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีตื้น 2-1

กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ไม่นาน ซิตี้ ก็มาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ มาร์เรซ กระชากบอลไปสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะเปิดยัดไปกลางประตูให้ กรีลิช เทคตัวโหม่ง ติดบล็อกของ เอแมร์ซอน ก่แนที่บอลจะลอยไปเข้าทาง อัลวาเรซ ซัดตูมเดียวสวนเข้าประตูไปไม่มีเหลือ 

นาทีที่ 53 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตีเสมอ 2-2

พอได้ประตูตีไข่แตก แมนซิตี้ ก็เร้งเครื่องเต็มสูบ จนบุกมาได้ประตูตีเสมอสมใจ จากจังหวะที่ มาห์เรซ โหม่งลูกเปิดของ โรดรี้ ตั้งให้ ฮาลันด์ วิ่งโถมมาโขกจ่อๆ ในกรอบ6หลา ส่งบอลตุงตาข่ายอย่างสวย 

นาทีที่ 63 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงนำ 3-2

ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกม แมนซิตี้ ที่สร้างโอกาสได้มากมายในครึ่งหลัง ก็มาได้ประตูแซงนำ 3 -2 ตามเป้า เป็นจังหวะที่ มาห์เรซ  เลี้ยงบอลโซโล่เดี่ยว หลบ เดวิส จนมีช่องได้ลองยิงหักข้อยัดเสาสองแบบคมกริบ ส่งบอลตุงตาข่ายชนิดที่ว่า ญอริส หมดสิทธิ์เซฟไปเลย

นาทีที่ 90 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงปิดกล่อง 4-2 

เท่านั้นยังไม่พอ นาทีท้าย แมนซิตี้ ก็มาบวกสกอร์ปิดฝาโลงเพิ่มได้อีกลูกนึง จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ เอาชนะกับดักล้ำหน้าของ สเปอร์ส ได้ ก่อนจะควบบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปโชว์เหนือยิงชิพข้ามหัว ญอริส ส่งบอลข้ามเส้นประตูไปแบบนิ่มๆ  

หมดเวลาการแข่งขัน เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เล่นได้ดุดันกว่า เปิดบ้านเอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ในที่สุด ด้วยผลสกอร์รวม 4-2