“แอต.มาดริด” พลิกล็อกพ่ายให้กับ “บิลเบา” ไปด้วยสกอร์ 2-1 !!! ไม่ได้ไปต่อ ซูเปร์โกปา

เกมการแข่งขัน ระหว่าง แอตเลติโก้ มาดริด กับ แอธเลติก บิลเบา ในศึกฟุตบอล ซูเปร์โคปา เด เอสปันญ่า รอบรองชนะเลิศ โดยเตะกันที่สนาม คิง ฟาห์ด อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ แอตเลติโก้ มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มาเล่นในระบบ 3-1-4-2 นำทีมโดย เจฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย กองกลางห้องเครื่องตัวแกร่ง ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ ปีกจอมลากเลื้อย และ ชูเอา เฟลิกซ์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่ง แอธเลติก บิลเบา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์เซลิโน การ์เซีย โตรัล มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย อีเกร์ มูเนียอิน เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม ดานี่ การ์เซีย กองกลางห้องเครื่อง และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

นาที 1

เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง 12 วินาที เป็นทางฝั่ง แอตเลติโก้ มาดริด ที่เกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะเขี่ยบอลแล้วถ่ายออกมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายให้ โตมาส์ เลอมาร์ บรรจงวางบอลยาวเข้าไปในเขตโทษให้ ชูเอา เฟลิกซ์ สอดมาดูดบอลลง ก่อนจะซัดเน้น ๆ ผ่าน อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา ส่งบอลเข้าประตูไป ตุงตาข่าย ทว่าไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้า เฮเก้อกันไปสำหรับแฟน ๆ ตราหมี

นาที 5

แอตเลติโก้ มาดริด ได้ลุกขึ้นมาใหม่อีกระลอก จังหวะนี้ มาร์กอส ยอเรนเต้ ทำชิ่งกับเพื่อน หลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะหักเข้าเขตโทษให้กับ โตมาส์ เลอมาร์ จับหนึ่งทีแล้วซัดเน้น ๆ ไปแฉลบบล็อกของแนวรับบิลเบา สุดท้ายบอลพุ่งเข้าหน้าต่างข้างตาข่ายแบบได้เสียว ได้เป็นเตะมุมแทน

นาที 11

แอธเลติก บิลเบา ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ออยอาน ซานเซ็ต ทำชิ่งงัดบอลโด่งข้ามแนวรับแอตมาดริดเข้าไปในเขตโทษให้ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ได้วิ่งสอดหลุดไปซัดเน้น ๆ ตามน้ำแบบไม่จับที่กรอบ 6 หลา ส่งบอลพุ่งไปติดเซฟของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูแอตมาดริด ที่ปิดมุมได้ไว ป้องกันเอาไว้ได้นิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 21

แอตเลติโก้ มาดริด ได้เสียวอีกครั้ง จากจังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม ยานนิค การ์ราสโก้ สลัดหนีตัวประกบ ลากตัดเข้ากลางมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะได้ช่อง ขอลองตะบันด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ระยะร่วม 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าดันไปตรงตัวของ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา ตะปปเอาไว้ได้ทัน

นาที 28

แอธเลติก บิลเบา สู้ไม่ถอยตอบโต้ได้ลุ้น จังหวะนี้ ต่อบอลกันขึ้นมาทางริมเส้นขวามาถึง ออยอาน ซานเซ็ต พาบอลทะลุเข้าเขตโทษ ล็อคดึงจังหวะหาช่อง ก่อนจะตัดสินใจไหลย้อนมาที่หน้ากรอบโล่ง ๆ ตั้งให้ ดานี่ การ์เซีย วิ่งมาสับไกเน้น ๆ แต่โดนไม่ดีเท่าไหร่ บอลพุ่งแรงหลุดกรอบออกไปไกล

นาที 40

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก แอตเลติโก้ มาดริด ได้บุกส่งท้าย จากจังหวะ ยานนิค การ์ราสโก้ โชว์ความพลิ้ว พาบอลลากแหวกมาสองทางริมกรอบฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสข้ามฟากไปที่เสาไกลให้ มาร์กอส ยอเรนเต้ สอดมาตวัดหักเข้ากลางย้อนมาที่หน้าเขตโทษต่อให้ การ์ราสโก้ เจ้าเก่า ได้ข้ามหลอกปล่อยให้ เจฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย วิ่งสอดมาแปด้วยซ้ายเน้น ๆ ระยะ 18 หลา ทว่าน่าเสียดาย บอลเบาแถมตรงตัวของ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา รับเอาไว้ได้สบาย

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังสู้กันได้อย่างสนุกสูสี เป็นทัพตราหมี ที่ครองบอลบุกได้มากกว่าอยู่พอสมควร ทว่ายังทำอะไรคู่แข่งไม่ได้มาก สกอร์ตอนนี้เสมอกันอยู่ที่ แอตเลติโก้ มาดริด 0 แอธเลติก บิลเบา 0 !!!

นาที 55

กลับมาครึ่งหลัง แอตเลติโก้ มาดริด บุกต่อทันที จังหวะนี้ ยานนิค การ์ราสโก้ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวยึกยักดึงจังหวะคลึงบอลล็อคไปล็อคมาหนี อินญิโก้ มาร์ตีเนซ ก่อนที่สุดท้ายจะได้เหลี่ยม ก้มหน้าหวดด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งผ่านหน้าปากประตู ลอยเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาไกล เหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปชนิดได้เสียวสุด ๆ

นาที 62 GOAL!!!

แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย โตมาส์ เลอมาร์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยลึกไปที่เสาไกลให้ ชูเอา เฟลิกซ์ ได้โขกย้อนศรเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปทางเสาซ้ายมือ ชนเสาเต็ม ๆ กระเด้งมาโดนหลังของ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา ไหลเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย แบบงง ๆ

นาที 64

แอธเลติก บิลเบา เกือบได้ประตูตีเสมอทันควัน จังหวะนี้ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา เกือบ ๆ มุมธง อีเกร์ มูเนียอิน บรรจงเปิดเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อินญิโก้ มาร์ตีเนซ เบียดเอาชนะตัวประกบ ได้เทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ เต็มแรง ทว่าบอลไม่หนีมือเท่าไหร่ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูแอตมาดริด เซฟเอาไว้ได้ทันอย่างน่าเสียดาย

นาที 68

แอตเลติโก้ มาดริด ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ สาดบอลยาวจากแดนตัวเองขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้ายถึง เรนาน โลดี้ ได้เอาบอลลงนิ่ม ๆ ก่อนจะลากตัดเข้าใน แล้วจบด้วยการสับไกด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรง ผ่านหน้าปากประตู ปลิ้นหลุดเสาสอง ลอยออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 75

เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางกราบขวา เจ้าตัวบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็นแนวรับตราหมีที่พลาด สกัดบอลไปเข้าทาง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ได้ส้มหล่น สบโอกาสตวัดยิงตามน้ำด้วยขวาเน้น ๆ ระยะแค่ไม่กี่หลา ส่งบอลพุ่งไปติดเซฟของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูแอตมาดริด ล้มตัวทุบออกมาได้ทันหวุดหวิดอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 77 GOAL!!!

แอธเลติก บิลเบา มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อีเกร์ มูเนียอิน บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่หน้าเสาแรก แล้วเป็น เยราย อัลบาเรซ ขึ้นเบียดเอาชนะตัวประกบ ได้โขกเหน่ง ๆ ผ่านมือของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูแอตมาดริด ส่งบอลเบียดเสาขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 80

แอธเลติก บิลเบา กำลังใจมาเต็ม บุกลุยขึ้นมาต่อ จังหวะนี้ เคาะบอลกันขึ้นมาถึงหน้ากรอบได้สวยจบที่ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้กับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ได้วิ่งสอดหลุดเข้าไปวางเท้าซัดมุมแคบยัดไปที่เสาแรกเน้น ๆ ทว่าเป็น ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูแอตมาดริด ยังปิดมุมได้ดี ปัดทิ้งออกหลังไปได้ทันเฉียดฉิว ได้เป็นเตะมุม

นาที 81 GOAL!!!

แอธเลติก บิลเบา มาได้ประตูพลิกแซงขึ้นนำเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม ดานี่ การ์เซีย ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยจากทางฝั่งขวา แล้วเป็นผู้เล่นตราหมีที่โหม่งสกัดไปติดพวกเดียวกันเอง บอลกระเด้งมาเข้าทางปืนของ นีโก้ วิลเลี่ยมส์ แข้งดาวรุ่งวัย 19 ปี ที่หน้าเขตโทษ เจ้าตัวหวดเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งเลียด เสียบเสาไกล เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม

นาที 90+4 ใบแดง!!!

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แอตเลติโก้ มาดริด ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ โฮเซ่ คิเมเนซ ไปเข้าบอลน่าเกลียด เจตนายกเท้าสูงใส่คู่แข่ง โดนเข้าไปที่หัวของ อินญิโก้ มาร์ตีเนซ เต็ม ๆ ร่วงลงไป ผู้ตัดสินรีบวิ่งไปเช็ค VAR สุดท้ายกลับลงมาแจกใบแดงโดยตรง ไล่ตะเพิดกองหลังทัพตราหมีรายนี้ ออกจากสนามไปทันที

หมดเวลาการแข่งขัน แอธเลติก บิลเบา สร้างเซอร์ไพรส์ เฉือนเอาชนะ แอตเลติโก้ มาดริด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศศึกฟุตบอล ซูเปร์โคปา เด เอสปันญ่า ได้สำเร็จ โดยจะพบกับ เรอัล มาดริด ในคืนวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้