ไม่ง่ายอย่างที่คิด!! ทัพแซมบ้า “บราซิล” บุกมาสะดุด เจ๊า “โคลอมเบีย” ไปแบบเจาะไม่เข้า 0-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทัพโคเคน ทีมชาติ โคลอมเบีย เปิดสนาม เอสตาดิโอ เมโทรโปลิตาโน่ โรแบร์โต้ เมเลนเดซ ต้อนรับการมาเยือนของทัพแซมบ้า บราซิล ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น โคลอมเบีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เรยนัลโด้ รูเอด้า มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย หลุยส์ ดีอาซ กองกลางห้องเครื่อง ฮวน ควินเตโร่ เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ ราดาเมล ฟัลเกา กองหน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน บราซิล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ติเต้ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ลูกัส ปาเกต้า เพลย์เมกเกอร์จอมพลิ้ว เนย์มาร์ กองหน้ากึ่งปีกตัวทำเกมริมเส้น และ กาเบรียล เชซุส ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม

นาที 2

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น โคลอมเบีย ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ ฮวน ควินเตโร่ มีโอกาสได้ลองวางเท้าส่องไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ หน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่ทิศทางยังไม่มุมเท่าไหร่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เซฟเอาไว้ได้ทัน

นาที 5

ทีมเยือน บราซิล ได้ทักทายคืนบ้าง จังหวะนี้ ดานิโล่ เติมเกมสูงขึ้นมารับบอลทางกราบขวา ก่อนจะจ่ายมาที่หน้าเขตโทษให้ เนย์มาร์ ได้วางเท้ากดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทำท่าจะเสียบมุมเข้าประตูอยู่เหมือนกัน แต่เป็น ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังไม่พลาด ผวาพุ่งไปปัดเอาไว้ได้ทัน

นาที 13

ทีมเยือน บราซิล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เนย์มาร์ ครองบอลอยู่ที่หน้ากรอบ 18 หลา ก่อนจะเห็นช่องแล้วแทงทะลุเข้าไปที่กลางเขตโทษให้ ลูคัส ปาเกต้า ได้สอดมาทิ้งตัวทิ่มบอลด้วยขวาผ่านตัว ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น พุ่งเฉียดเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 25

เกมดำเนินมาถึงครึ่งทางของครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังผลัดกันครองบอลบุก ชิงจังหวะกันอยู่ที่ตรงกลางสนาม โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้เร่งเกมเปิดหน้าแลกกันมากนัก โอกาสหลุดเข้าไปยิงเน้น ๆ ในพื้นที่อันตราย ยังไม่มีให้แฟน ๆ ได้เห็น

นาที 29

เจ้าถิ่น โคลอมเบีย ได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษ เยื้อง ๆ ไปทางขวา แล้วเป็น ฮวน ควินเตโร่ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ข้ามกำแพง บอลพุ่งแรงโค้งสวย ทว่ายังไม่เข้าเป้า ถากเสาแรกขวามือออกไป หลุดออกหลังไปแบบได้เสียว

นาที 33

ทีมเยือน บราซิล ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ลูคัส ปาเกต้า ปาดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าในให้ เนย์มาร์ เก็บบอลหน้ากรอบ 18 หลา เจ้าตัวแปะถวายพานสั้น ๆ ต่อให้ เฟร็ด ได้แต่งบอลเข้าไปในเขตโทษหนึ่งที ก่อนจะตั้งป้อมหวดด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไร้ตัวประกบ ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 37

เจ้าถิ่น โคลอมเบีย ได้บุกกลับขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ราดาเมล ฟัลเกา จ่ายบอลมาที่หน้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดีอาซ ได้แต่งหาช่องแล้วลองซัดเองด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ แต่บอลเบาแถมทิศทางไม่เข้าเป้าสุด ๆ กลิ้งหลุดออกหลังไปเองแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

นาที 43

ช่วงท้ายครึ่งแรก ทีมเยือน บราซิล ได้จบสกอร์อีกครั้งส่งท้าย เป็นจังหวะ ฟาบินโญ่ ได้บอลที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงไปติดบล็อกของแนวรับเจ้าถิ่นกระเด้งออกมา ยังไม่ได้ลุ้นอะไรมากเหมือนเดิม

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังไม่เปิดหน้าแลกกันมากนัก รูปเกมส่วนใหญ่จะเป็นการชิงจังหวะครองบอลกันอยู่ที่ตรงกลางสนาม โดยทั้งคู่เน้นการเข้าบอลแบบหนักหน่วงถึงลูกถึงคนตามสไตล์ฟุตบอลอเมริกาใต้ โอกาสหลุดเข้าไปซัดเน้น ๆ ในพื้นที่สุดท้าย ยังไม่มีให้แฟน ๆ ได้เห็นเลย สกอร์ตอนนี้ โคลอมเบีย 0 บราซิล 0 !!!

นาที 53

เริ่มครึ่งหลังมา รูปเกมยังคงผลัดกันครองบอลอยู่เหมือนเดิม โอกาสจบสกอร์ยังไม่มีให้เห็น แล้วเป็นเจ้าถิ่น โคลอมเบีย ที่ขยับแก้เกมก่อนโดยการถอด เจฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า และ โรเจอร์ มาร์ติเนซ ที่แทบไม่มีบทบาทในเกมออกไปพัก แล้วจัดการส่ง มาเตอุส อูริเบ และ ซานโตส บอร์เร่ ลงสนามมาเล่นแทนในตำแหน่งเดียวกัน

นาที 60

เวลาดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม รูปเกมเริ่มชวนอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเป็นทางฝั่งทีมเยือน บราซิล ที่ครองบอลบุกได้มากกว่า แต่ก็ดูเหมือนจะมีปัญหาในการเจาะแนวรับเข้าไปยิงในพื้นที่สุดท้ายด้วยกันทั้งคู่ ทัพแซมบ้าครึ่งหลังมายังไม่มีโอกาสได้ซัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น โคลอมเบีย เน้นตั้งรับต่ำแล้วรอสวนกลับเร็ว แต่ก็ยังไม่มีจังหวะลุ้นยิงประตูเช่นกัน

นาที 64

เจ้าถิ่น โคลอมเบีย เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วบริเวณกลางสนาม มาเตอุส อูริเบ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ทำชิ่งกับเพื่อนหลุดขึ้นมาที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจวางเท้าซัดด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดทำท่าจะเสียบใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปปัดปลายมือ เซฟออกหลังได้ทันหวุดหวิด เสียเป็นเตะมุม

นาที 68

เจ้าถิ่น โคลอมเบีย เร่งเครื่องบุกใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ฮวน ควินเตโร่ ลากบอลแหวกผู้เล่นบราซิลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวล็อกหนี เฟร็ด มาอีกที ก่อนจะสบโอกาสกดด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่ยังไม่หนีมือเท่าไหร่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าเก่า พุ่งไปปัดได้ทันเหมือนเดิม

นาที 76

ทีมเยือน บราซิล ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ราฟินญ่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้บอลทางกราบขวา เจ้าตัวโยกตัดเข้าในมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงผ่านบล็อก โค้งสวยเกือบจะเสียบเสาไกลเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปปัดปลายมือเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 84

โอกาสได้ลุ้นมากที่สุดของเกมเลยก็ว่าได้ เมื่อทีมเยือน บราซิล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ราฟินญ่า ลากบอลหลุดขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจะครอสเข้าไปที่กลางประตูถวายพานให้ แอนโทนี่ ตัวสำรองอีกคน ได้สอดมาทิ้งตัวชาร์จจิ้มบอลด้วยซ้ายโล่ง ๆ ระยะแค่ 5 หลา บอลกำลังจะเสียบใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว แต่เป็น ดาวิด ออสปิน่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดทิ้งข้ามคานออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นาที 87

ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น โคลอมเบีย ได้ลุ้นส่งท้ายจากจังหวะ ดูวาน ซาปาต้า ศูนย์หน้าตัวสำรองที่เพิ่งลงมา กระชากพาบอลมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงแต่ดันไปตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน คว้าติดมือไว้ได้สบาย

หมดเวลาการแข่งขัน ทีมเยือน บราซิล บุกมาทำได้แค่เสมอกับเจ้าถิ่น โคลอมเบีย ไปแบบจืดชืดด้วยสกอร์ 0-0 !!! ยังคงนำโด่งจ่าฝูงของตารางคะแนนอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับอุรุกวัย ในเช้าวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านโคลอมเบีย รั้งอันดับที่ 5 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านเจอกับเอกวาดอร์ ในวันเดียวกัน แต่คนละเวลา