ชนะรวดห้านัด!! “ลิเวอร์พูล” ฟอร์มดุต่อเนื่อง เปิดบ้านไล่ทุบ “เอฟซี ปอร์โต้” ไป 2-0 เข้ารอบฐานะแชมป์กลุ่ม

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) เปิดสนาม แอนฟิลด์, เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนทีม เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดที่ 5 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกกึ่งกองหน้าตัวจี๊ด และ ทาคุมิ มินามิโนะ ศูนย์หน้าจมูกไวทีมชาติญี่ปุ่น

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เอฟซี ปอร์โต้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แซร์โจ้ คอนไซเซา มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย มาเตอุส อูริเบ กองกลางห้องเครื่อง โอตาวิโอ ปีกตัวจี๊ดริมเส้น และ เมห์ดี้ ทาเรมี่ กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 7

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน เอฟซี ปอร์โต้ ที่เกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะความผิดพลาดของ คอสตาส ซิมิคาส ไปบังบอลแล้วเสียเหลี่ยมโดน โอตาวิโอ แย่งบอลมาแล้วครอสเร็วจากฝั่งขวาเข้าไปที่กลางประตูให้ เมห์ดี้ ทาเรมี่ สอดมาโขกสะบัดเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบ โฌแอล มาติป เปลี่ยนทางเฉียดเสาแรก หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียว อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 12

ทีมเยือน ปอร์โต้ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วตรงกลางสนาม เอวานิลซอน แทงบอลทะลุช่องยาวให้ หลุยส์ ดิอาซ ได้กระชากหนีแนวรับ หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดมาที่หน้าเสาไกลขวามือถวายพานให้ โอตาวิโอ วิ่งสอดตามมาแปด้วยขวาเน้น ๆ โล่ง ๆ ส่งบอลปลิ้นหลุดกรอบ ถากเสาขวามือ หลุดออกหลังไปเอง ชนิดน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 14

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูลมา ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จังหวะนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เล่นสั้นส่งมาให้ คอสตาส ซิมิคาส ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตูให้ โฌแอล มาติป ได้เทคตัวขึ้นโหม่งเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงเข้ากรอบ แต่ทิศทางยังไม่หนีมือเท่าไหร่ ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เขยิบมารับเอาไว้ไม่มีปัญหา

นาที 19

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิคาส บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อิบราฮิม่า โกนาเต้ ได้โฉบมาเทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ คนเดียว ส่งบอลพุ่งแรงแต่ดันไปตรงตัวของ ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้สบาย ทว่าผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจังหวะฟาล์วซะก่อน ซึ่งภาพช้าจะเห็นว่า เจ้าตัวไปผลัก เปเป้ เต็ม ๆ ก่อนจะขึ้นโหม่ง

นาที 24

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เกือบได้ลูกส้มหล่น จากจังหวะที่ ชานเซล เอ็มเบมบ้า จ่ายบอลคืนหลังสั้นให้ ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เตะเปิดเกมช้าโดน ซาดิโอ มาเน่ กระโดดขวางทางโดนหัวเต็ม ๆ กระดอนออกมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รีบยิงเร็วไปหน่อยหวดโดนแปก ๆ สุดท้ายบอลเบากลิ้งเข้ามือนายทวารปอร์โต้ ตามมาคว้าแก้ตัวเอาไว้ได้อย่างน่าเสียดายของสุด ๆ

นาที 32

ทีมเยือน ปอร์โต้ ได้ทุ่มทางกราบซ้ายมาถึง หลุยส์ ดิอาซ ได้โหม่งตั้งต่อไปที่หน้าเขตโทษให้ โอตาวิโอ พยายามวางเท้ายิงเร็วด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับนอกกรอบ แต่ช้อนใต้ลูกมากเกินไปหน่อย สุดท้ายบอลยังไม่เข้าเป้า ลอยเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

นาที 37 VAR!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ ติอาโก้ อัลกันตาร่า แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้วิ่งสอดหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย มีพื้นที่มีเวลาเลี้ยงจี้ไปที่หน้าเสาแรก ก่อนจะได้ล่อเป้าเอี้ยวตัวแปด้วยขวาเล่นทางเน้น ๆ ส่งบอลเสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม อย่างไรก็ดี VAR ชี้ชัดจากข้างสนามมาว่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนแล้ว ผู้ตัดสินริบประตคืน เฮเก้อกันไปสำหรับสาวกหงส์แดง

นาที 42

ทีมเยือน ปอร์โต้ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน เป็นจังหวะ โอตาวิโอ แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เมห์ดี้ ทาเรมี่ หลุดโล่ง ๆ แต่ไม่ยอมยิง ตัดสินใจหักย้อนกลับเข้ากลางมาให้กับ เอวานิลซอน กำลังจะได้ง้างเท้ายิงเน้น ๆ ทว่าเป็น ไทเลอร์ มอร์ตัน ตามลงมาช่วยเสียบสกัดทิ้ง ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 45

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นส่งท้าย จากจังหวะสวนกลับเร็วแล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แทงบอลเร็วให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้ติดเครื่องลากจี้มาที่หน้าเขตโทษ เจ้าตัวล็อคหนีตัวประกบมาเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย ก่อนจะซัดเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบ ฟาบิโอ การ์โดโซ่ กระดอนหลุดออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสนุกสูสี เปอร์เซ็นต์การครองบอลก็เท่ากันที่ 50-50 มีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำด้วยกันทั้งคู่ ขาดเพียงแค่จังหวะจบในพื้นที่อันตรายเท่านั้น ที่ยังไม่เฉียบคมเอง สุดท้ายยังทำอะไรกันไม่ได้ สกอร์ตอนนี้ ยังเสมอกันอยู่ที่ ลิเวอร์พูล 0 ปอร์โต้ 0 !!!

นาที 47

เริ่มครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ปอร์โต้ ที่ได้ลุ้นทักทายก่อน จากจังหวะ โอตาวิโอ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โต้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ เมห์ดี้ ทาเรมี่ โฉบมาเทคตัวขึ้นคนสะบัดคนเดียวเน้น ๆ ทว่าโดนบางมากเกินไปหน่อย บอลยังไม่เข้าเป้า เฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 49

ทีมเยือน ปอร์โต้ ได้ลูกฟรีคิกทางริมกรอบฝั่งขวา แซร์โจ้ โอลิเวยร่า บรรจงเปิดบอลโด่ง พุ่งโค้งไปที่หน้าประตูโดน อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปัดออกมาชุลมุนขลุกขลิกที่กลางเขตโทษ ก่อนจะเป็น มาเตอุส อูริเบ ที่เกี่ยวได้แล้วพลิกกลับตัวมาตวัดยิงด้วยขวาหักข้อเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นเฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดาย 

นาที 52 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะเริ่มที่ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณกึ่งกลางสนามฝั่งขวา อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เปิดโค้งเข้ากลางแล้วโดนโหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ติอาโก้ อัลกันตาร่า วิ่งปรี่มาซัดแถมสองด้วยขวาเน้น ๆ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นเสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทำได้แค่หันมอง

นาที 60

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวครอสเข้ากลางมาให้กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ได้พักบอลด้วยหน้าขา ก่อนจะก้มหน้าหวดด้วยขวาเต็ม ๆ แต่บอลไต่หลังเท้า พุ่งแรงติดไซด์ก้อย ปลิ้นหลุดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปชนิดได้เสียว

นาที 63

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ซาดิโอ มาเน่ มีโอกาสได้ง้างเท้าซัดเน้น ๆ หน้าเขตโทษด้านซ้าย บอลพุ่งไปติดบล็อกของแนวรับทีมเยือน ลอยสูงไปที่หน้าเสาไกลขวามือเข้าทาง ทาคุมิ มินามิโนะ วิ่งมายิงตามน้ำจังหวะเดียวเน้น ๆ ส่งบอลเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม ทว่ามีธงล้ำหน้ายกขึ้นมาซะก่อน เฮเก้ออีกครั้งสำหรับแฟน ๆ หงส์แดง

นาที 70 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ สปีดไปเก็บบอลยาวได้ที่ริมกรอบฝั่งขวา เจ้าตัวตอกส้นย้อนหลังเพื่อทำชิ่ง 1-2 กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่วิ่งตามขึ้นมา ดึงจังหวะตวัดตามช่องคืนให้ศูนย์หน้าอียิปต์หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ได้โยกตัดเข้าใน ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ หักข้อ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นผ่านมือ ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เบียดเสาแรกเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 82

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เล่นกันแบบสบาย ๆ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหนวดเฟิ้ม ทยอยเปลี่ยนตัวสำรองมายืดเส้นยืดสาย ไล่ตั้งแต่ ดิว็อก โอริกี้, ฟาบินโญ่ และ เจมส์ มิลเนอร์ แล้วถอดเอา ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ออกไปพัก

นาที 85

ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นส่งท้าย จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ขอลองตั้งป้อมบรรจงส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าดันไปตรงตัวของ ดีโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน เอฟซี ปอร์โต้ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! ชนะรวดห้านัด เก็บได้ 15 คะแนนเต็ม ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่มเรียบร้อย โดยนัดต่อไปหงส์แดงจะต้องออกไปเยือนเอซี มิลาน ในคืนวันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านปอร์โต้ อยู่อันดับที่ 2 ยังมีลุ้นเข้ารอบ โดยนัดสุดท้ายจะต้องเปิดบ้านพบกับแอตเลติโก้ มาดริด ในวันเวลาเดียวกัน