ทัพหงส์แดง “ลิเวอร์พูล” เปิดแอนฟิลด์ เอาชนะทัพตราหมี “แอต.มาดริด” สิบตัว 2-0 !!

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) เปิดสนาม แอนฟิลด์, เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนทัพตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดที่ 4 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกกึ่งกองหน้าตัวจี๊ด และ ดีโอโก้ โชต้า ศูนย์หน้าตัวโป้งปิดบัญชี

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มาเล่นในระบบ 3-4-2-1 นำทีมโดย โกเก้ กองกลางห้องเครื่องตัวคุมจังหวะเกม ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ ปีกจอมลากเลื้อย และ หลุยส์ ซัวเรซ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม

นาที 13 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลบอลย้อนกลับมาที่มุมกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยจังหวะเดียวไปที่หน้าประตู บอลกระเด้งพื้นไปที่หน้าเสาไกลเข้าทาง ดิโอโก้ โชต้า ได้สอดมาตั้งหัวโขกเหน่ง ๆ จ่อ ๆ ระยะเผาขน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 21 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างออกไปอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ป้ายบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วิ่งมาซัดเลียดด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งไปที่หน้าประตูเข้าทาง ซาดิโอ มาเน่ สอดมาสะกิดเปลี่ยนทางผ่านตัว ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย

นาที 23

เจ้าถิ่น หงส์แดง ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลากบอลลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะจ่ายเข้ากลางถึง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ได้ซัดด้วยขวาเน้น ๆ แต่ตวัดหักข้อมากไปหน่อย สุดท้ายบอลถากเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 35 ใบแดง!!!

สถานการณ์ของทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ต้องย่ำแย่ขึ้นไปอีก เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ เฟลิเป้ ไปทำฟาล์วตัดเกม ซาดิโอ มาเน่ ตรงกลางสนาม ทีแรกโดนแค่ใบเหลือง แต่ดูเหมือนว่ากองหลังทีมเยือนจะไม่ค่อยพอใจ โวยวายเกินเบอร์ไปหน่อย สุดท้ายเป็น แดนนี่ มัคเคอลี ผู้ตัดสินจากเนเธอร์แลนด์ เปลี่ยนเป็นใบแดงโดยตรง ไล่ตะเพิดเจ้าตัวออกจากสนามไป

นาที 41

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูเพิ่มถึงสองหนติด ๆ กัน จังหวะแรกเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ส่องไกลนอกกรอบด้วยซ้าย ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ยังโดน ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดออกมาได้ทัน ถัดมาอีกทีเป็น คอสตาส ซิมิคาส เติมสูงขึ้นมา ครอสจากทางฝั่งซ้ายไปที่เสาแรกให้ ดิโอโก้ โชต้า ได้สอดมาโขกเน้น ๆ ทว่าก็ยังไม่ผ่านเซฟของนายทวารจอมหนึบของทีมเยือนอยู่ดี

นาที 45

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ลากพาบอลแหวกขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะได้โอกาสวางเท้าตะบันด้วยขวานอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่ายังทิศทางยังไม่เข้าเป้า ลอยหลุดกรอบออกไปไกล

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้มากกว่าถึง 60-40 เปอร์เซ็นต์ หงส์แดงเป็นฝ่ายได้ประตูขึ้นนำเร็วไปก่อนแล้วถึงสองลูก หลังจากนั้นยังคงพบสนามบุกใส่ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ที่มีผู้เล่นน้อย อยู่แทบจะฝ่ายเดียว สุดท้ายทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ สกอร์ตอนนี้ ลิเวอร์พูล 2 แอตมาดริด 0 !!!

นาที 48 VAR!!!

เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แค่ไม่กี่นาที เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่เกือบจะได้ประตูเพิ่มเร็วทันที จากจังหวะ ฟาบินโญ่ แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ดิโอโก้ โชต้า ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปแปเน้น ๆ สวนตัว ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ทว่า VAR แจ้งว่าเป็นลูกล้ำหน้า เฮเก้อกันไปสำหรับทัพหงส์แดง 

นาที 52

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ โชว์ความสามารถเฉพาะตัว พาบอลขึ้นมาเองทางกราบขวา เจ้าตัวเลี้ยงจี้ทะลุเข้าเขตโทษ แหวกกองหลังไปจนได้ดวลเดี่ยวกับนายทวาร ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะยิงติดเซฟของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ปัดมาเข้าทาง ดิโอโก้ โชต้า กำลังจะได้ง้างเท้าซัด ทว่าเป็น โรดริโก้ เด ปอล สกัดออกหลังได้ทันหวุดหวิด เสียเป็นเตะมุม

นาที 53

จังหวะต่อเนื่อง เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย คอสตาส ซิมิคาส เปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูเข้าทาง โฌแอล มาติป ได้ยิงแบบจวนตัว ทำให้โดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สุดท้ายส่งบอลหลุดกรอบ ออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 54

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ คอสตาส ซิมิคาส กระชากพาบอลหนีคู่แข่ง หลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเข้ากลางไปที่กรอบ 6 หลาให้ ดิโอโก้ โชต้า โล่ง ๆ ได้โหม่งเหน่ง ๆ แต่โดนไม่ดี สุดท้ายบอลปลิ้นเฉียดเสาไกลขวามือไปนิดเดียว ลอยหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 57 VAR!!!

ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้ประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร โรดริโก้ เด ปอล เปิดฟรีคิกยาวจากกลางสนามให้ โฮเซ่ คิเมเนซ โหม่งต่อไปเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ได้ซัดเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงไปแฉลบ โฌแอล มาติป เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทว่าสัญญาณ VAR แจ้งมาว่าเป็นลูกล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะแรก โดนริบประตูคืนอย่างน่าเสียดาย สกอร์ยังคงเป็น ลิเวอร์พูล นำ 2-0 เหมือนเดิม

นาที 69

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือคนเก่งของเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ถึงกับต้องลุ้นหนัก เมื่อผู้เล่นอย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มีปัญหาบาดเจ็บที่เท้า เกมต้องหยุดชะงักไปพักใหญ่ ๆ เพื่อให้แพทย์สนามลงมาดูอาการ สุดท้ายเจ้าตัวฝืนเล่นต่อไหว วิ่งกลับมาลงสนามได้ ไม่มีปัญหาอะไร

นาที 73

ทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด นาน ๆ จะได้ตอบโต้ขึ้นมาที จังหวะนี้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ไปทำพลาดเสียบอลตรงกลางสนามให้ อังเคล กอร์เรอา ได้ลากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะจ่ายออกไปทางซ้ายให้ มาเตอุส กุนญ่า สอดมาตบสั้น ๆ เข้ากลางให้ เอคตอร์ เอร์เรร่า เติมขึ้นมาซัดเน้น ๆ ทว่าเจ้าตัวทำเสียของ ส่งบอลหลุดกรอบออกหลังไป ชนิดน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 85

เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ลำเลียงบอลกันขึ้นมาแบบไม่รีบเร่ง จังหวะนี้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ ดิว็อค โอริกี้ ได้เกี่ยวบอลลง ก่อนจะซัดเร็วไปติดบล็อกของกองหลังทีมเยือน กระเด้งออกมาต้องตั้งกันใหม่ ถัดมาจังหวะต่อเนื่อง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ จ่ายเข้าเขตโทษ แล้วเป็น ดิโอโก้ โชต้า กระโดดหวดแต่ไม่โดนบอล กลับไปโดนหน้าของ คีแรน ทริปเปียร์ เต็ม ๆ รับใบเหลืองไปทันที

นาที 87

ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกครั้งส่งท้าย จากจังหวะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดเข้าไปในเขตโทษให้ ดิว็อค โอริกี้ โขกตั้งไปโดน ฆาเบียร์ เซร์ราโน่ โหม่งเคลียร์สกัดออกมาไม่ดีเข้าทาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้ยิงสวนด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าดันไปตรงตัวของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน แอตเลติโก้ มาดริด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! เก็บชัยได้ 4 นัดรวด คว้า 12 แต้มเต็ม นำโด่งจ่าฝูงของกลุ่ม ตบเท้าเข้าสู่รอบ 16 ทีมเป็นที่เรียบร้อย โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับปอร์โต้ ในคืนวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านแอตเลติโก้ มาดริด รั้งอันดับที่ 3 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเอซี มิลาน ในวันเดียวกัน แต่คนละเวลา