‘พอตเตอร์’ เร้า ‘สิงห์’ ใช้ความเจ็บปวดเป็นบทเรียน

แกรห์ม พอตเตอร์ นายใหญ่ เชลซี ยอมรับรู้สึกเจ็บปวดที่พ่ายแพ้ต่อ ไบรจ์ตัน แต่ก็บอกว่าความเจ็บปวดนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างทีม ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้เรียนรู้เพื่อพัฒนาขึ้นในอนาคต

พอตเตอร์ นำทัพ “สิงห์บลูส์” บุกไปแพ้ ไบรจ์ตัน ต้นสังกัดเก่า 4-1 นับเป็นการปราชัยนัดแรกนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งแทน โธมัส ทูเคิ่ล

หลังจบเกมที่ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม กุนซือชาวอังกฤษให้สัมภาษณ์กับ BBC เปิดเผยความรู้สึกว่า

“เป็นทั้งผลการแข่งขันและความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวด, เรากลับเข้าสู่เกมนี้ไม่ได้อย่างแท้จริง”

“ตั้งแต่แฟนบอลของพวกเขาเริ่มมีส่วนร่วมมากขึ้น มันก็กลายเป็นเกมที่ยากสำหรับเราและ ไบรจ์ตัน เล่นได้ดีมากโดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก”

“คุณสามารถมองย้อนกลับไปในจังหวะเสียประตู และคิดว่าควรทำได้ดีกว่านั้นอยู่เสมอ”

“เราต้องมีส่วนรับผิดชอบอยู่บ้างในครึ่งแรก, เราผ่านการลงเล่นมาหลายนัดก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง, เราไปไม่ถึงระดับที่ควรเป็น, เราไม่ฉกฉวยโอกาสที่มี ส่วนฝ่ายตรงข้ามทำได้”

“เรามีโอกาสบุกพวกอยู่บ้างเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เราจ่ายพลาด และจบสกอร์ไม่ได้ จากนั้นเราก็เจอผลการแข่งขันที่น่าเจ็บปวด ซึ่งเราต้องทำได้ดีกว่านี้”

“มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ, คุณจำเป็นต้องผ่านความเจ็บปวด เพื่อที่จะเติบโตและพัฒนาขึ้น”

“ไม่มีใครเคยบอกว่าเราเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบแล้ว, เราต้องยอมรับความเจ็บปวดในวันนี้และเรียนรู้จากมัน”

พอตเตอร์ โดนแฟนบอลบนอัฒจันทร์แฟนบอลฝั่ง ไบรจ์ตัน ต้อนรับการกลับมาด้วยเสียงโห่ ซึ่งเฮดโค้ชวัย 47 ปีกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“ผมไม่มีอะไรต้องขอโทษแฟนบอล ไบรจ์ตัน, ผมคิดว่าผมทำงานได้ดีที่สโมสรนั้น และเราจากกันด้วยดี แต่ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตัวเอง”

เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ถูกเปลี่ยนออกช่วงพักครึ่งแล้วให้ เอดูอาร์ เมนดี้ ลงมาเฝ้าเสาแทน ซึ่ง พอตเตอร์ ก็เปิดเผยสาเหตุว่า

“เกปา มีอาการเจ็บที่เท้า และยังเร็วไปที่จะระบุได้แน่ชัด เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเพราะเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีจริงๆ”

เป็นอีกนัดที่ พอตเตอร์ ส่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ คริสเตียน พูลิซิช ลงเล่นตำแหน่งวิงแบ็ค แต่คราวนี้ไม่สามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้

“หน้าที่ของ ราฮีม และ พูลิซิช ไม่ใช่การป้องกันวิงแบ็คฝั่งคู่แข่ง แต่ผมเข้าใจดี เมื่อคุณทำอะไรบางอย่างแล้วมันไม่เวิร์ค คุณจะดูคล้ายคนโง่”

“ผมต้องยอมรับเรื่องนี้และพยายามเรียนรู้เพื่อทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นคือกระบวนการของเรา”