อันเช่บอกเคารพเรือ แต่ ‘ราชัน’ คือทีมดีสุด

คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ เรอัล มาดริด ให้ความเคารพต่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งได้รับสโมสรฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี แต่ยังยืนยันว่าทีมของตนเป็นทีมที่ดีที่สุดในโลก

ระหว่างงานประกาศรางวัลบัลลงดอร์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” ได้รับเลือกให้เป็นสโมสรฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี จากผลงานคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ซีซั่นก่อน

ขณะที่เจ้าของแชมป์ ลาลีก้า และ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก อย่าง “ราชันชุดขาว” ได้อันดับ 3 รองจาก ลิเวอร์พูล

หลังประกาศรางวัล โทนี่ โครส ห้องเครื่องคนสำคัญของ มาดริด โพสต์ข้อความเชิงประชดประชันลงทวิตเตอร์ว่า “ทีมที่ดีที่สุดอันดับ 3 ในฤดูกาล 2021/22, ดีใจมั้ย เรอัล มาดริด?”

คาริม เบนเซม่า กัปตัน มาดริด คว้าบัลลงดอร์ไปครอง และกล่าวในงานพิธีว่า “พวกเขาจะมอบรางวัลให้ใครก็ได้ แต่สำหรับผม, เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่ดีที่ในโลกอยู่เสมอ”

คืนวันพุธนี้ มาดริด มีโปรแกรมลงเตะ ลาลีก้า ออกไปเยือน เอลเช่ และระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนเกม อันเชล็อตติ กล่าวถึงผู้ได้รับรางวัลจากงานพิธีบัลลงดอร์

“เราภูมิใจมากกับรางวัลที่ เบนเซม่า และ คูร์กตัวส์ ได้รับ, โมดริช กับ วินิซิอุส ก็เข้าใกล้เช่นกัน”

“เรามีความสุขสุดๆ และรู้สึกยินดีไปด้วย, มันเป็นรางวัลส่วนตัวที่เกิดขึ้นได้เพราะความช่วยเหลือของทีม”

“เราทำสำเร็จแล้ว และตอนนี้เราต้องคิดถึงการคว้ารางวัลในปีถัดไป”

“ผมแปลกใจที่ผู้เล่นบางคนของเราอย่าง โครส, บัลเบร์เด้, มิลิเตา หรือ อลาบ้า ไม่ติดรายชื่อ 30 คนสุดท้าย”

“นอกจากนี้ ผมอยากแสดงความยินดีต่อผู้ได้รับรางวัลคนอื่นทั้ง กาบี, อเล็กเซีย ปูเตญาส, เลวานดอฟสกี้, มาเน่… และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้”

“แมนฯ ซิตี้ มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม และผมให้ความเคารพพวกเขาเป็นอย่างสูง”

“ผมไม่รู้เกณฑ์การให้คะแนน, ผมคิดว่าพวกเขาไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับทีม เพราะ เรอัล มาดริด ผู้คว้าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก คือทีมที่ดีที่สุดในโลก, แต่ในฐานะสโมสร ผมไม่รู้เกณฑ์การให้คะแนน”

“แมนฯ ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก และการเอาชนะพวกเขาในรอบรองชนะเลิศ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก เป็นเรื่องยากมากสำหรับเรา, เราชนะไปได้แบบเฉียดฉิวเท่านั้น”

“เราให้ความเคารพต่อรางวัลนี้เป็นอย่างสูง แต่เราได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นั่นคือ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก”

แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว มาดริด เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 6-5 เข้ารอบชิงไปเฉือนชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 พร้อมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 14