เอลกลาซิโก้สุดมันส์!! “เรอัล มาดริด” บุกมาย้ำแค้น เฉือนเอาชนะ “บาร์เซโลน่า” ด้วยสกอร์ 2-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า เปิดสนาม คัมป์ นู, เมืองบาร์เซโลน่า แคว้นกาตาลุญญ่า ประเทศสเปน ต้อนรับการมาเยือนของทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอล ลาลีก้า สเปน เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นคืน เอล กลาซิโก้ แมตช์ แห่งสเปน

เกมนี้ เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรนัลด์ คูมัน มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ มิดฟิลด์ตัวรับเชิงสูง อันซู ฟาติ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งจอมพลิ้ว และ เมมฟิส เดปาย ศูนย์ตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย โทนี่ โครส กองกลางห้องเครื่องตัวคุมจังหวะ ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของทีม

นาที 10

ครึ่งแรกเปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ที่ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ เป็นฝ่ายเดินเกมรุกโหมเข้ามาใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ เรอัล มาดริด มาเน้นตั้งรับรอจังหวะสวนกลับ ดักทางป้องกันเอาไว้ได้อยู่หมัด โดยทั้งสองทีมยังไม่มีโอกาสได้จบสกอร์เลย แม้แต่ครั้งเดียว 

นาที 20

ทั้งสองทีมเน้นชิงจังหวะ เข้าสกัดหนักหน่วง แย่งบอลกันอยู่ที่ตรงกลางสนาม เป็นทางฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด ที่ยกระดับการเล่น พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายครองบอลบุกได้บ้าง มีจังหวะวางบอลยาวได้ลุ้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นได้จบสกอร์ โดยทั้งคู่ยังไม่มีโอกาสได้ส่องเน้น ๆ ให้แฟน ๆ ได้เห็นเลย แนวรับช่วยกันสกัดคู่แข่งเอาไว้ได้หมด

นาที 21

ทีมเยือน ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด น่าจะได้จุดโทษแบบสุด ๆ เป็นจังหวะที่ เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้ แล้วเป็น วินิซิอุส จูเนียร์ ได้กระชากบอลหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะล็อคหนี เอริก การ์เซีย แล้วโดน ออสการ์ มินเกซ่า กระแทกล้มลงไป ทว่า โฆเซ่ ซานเชซ ผู้ตัดสินในเกมนี้ ไม่ได้ว่าอะไร เล่นเอาผู้เล่นทีมเยือนโวยวายกันใหญ่ ซึ่งภาพช้าจะเห็นว่า น่าได้จุดโทษมาก ๆ

นาที 24

ทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก วินิซิอุส จูเนียร์ สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ปีกดาวรุ่งความเร็วสูงรายนี้ ได้หลุดเดี่ยวไปล็อคซ้ายล็อคขวาหามุมยิงจนสุดท้าย เจ้าตัวซัดด้วยซ้ายหลุดกรอบออกไปเองอย่างน่าเสียดาย เล่นมากจังหวะไปหน่อย

นาที 25

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เมมฟิส เดปาย เลี้ยงแหวกเบียดเอาชนะ เอแดร์ มิลเตา หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลเข้ากลางเลยไปที่หน้าเสาสองถวายพานให้ แซร์จินโญ่ เดรสต์ มีเวลาได้ตั้งป้อมบรรจงซัดด้วยขวาโล่ง ๆ ทว่าแต่กลับยิงเหินข้ามคานออกไปเอง แบบไม่น่าเชื่อ

นาที 28

ทีมเยือน เรอัล มาดริด โต้กลับเร็วขึ้นมาได้จบอีกครั้ง จังหวะนี้ โรดรีโก้ แทงบอลตามช่องให้ คาริม เบนเซม่า ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะลากจี้แล้วโยกหนี เคราร์ด ปีเก้ ไปทางมุมแคบ ตามด้วยหวดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งเข้าหน้าต่างข้างตาข่าย หลุดออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไร

นาที 30

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ต่อบอลกันขึ้นมาทางมุมกรอบด้านซ้าย จังหวะนี้ เมมฟิส เดปาย รับบอลแล้วพลิกเข้าเหลี่ยมเท้าขวา ก่อนจะขอลองส่องไกลเต็มข้อหน้าเขตโทษ บอลพุ่งแรงเป็นจรวด แต่บังคับทิศทางได้ไม่ดี สุดท้ายลอยเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปไกล ยังไม่ได้ลุ้นเหมือนเดิม

นาที 32 GOAL!!!

ทีมเยือน เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วไม่กี่จังหวะถึง โรดรีโก้ ไหลบอลเร็วต่อมาที่หน้ากรอบด้านซ้ายให้ ดาวิด อลาบา ได้แต่งเข้าเขตโทษโล่ง ๆ หนึ่งที ก่อนจะก้มหน้าวางเท้าบรรจงกดด้วยซ้ายเน้น ๆ เต็มข้อ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดหนีมือ มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบหน้าต่างเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงามสุด ๆ

นาที 35

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า เกือบตามตีเสมอได้ทันควัน จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เมมฟิส เดปาย บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่กลางประตู แล้วเป็น เคราร์ด ปีเก้ สอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดเน้น ๆ โล่ง ๆ คนเดียว ส่งบอลแรงกระเด้งพื้น พุ่งเฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 38

ทีมเยือน เรอัล มาดริด ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วมาอีกระลอก จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า ได้บอลหลุดมาถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตักบอลโด่งไปที่หน้าเสาไกลให้ โทนี่ โครส วิ่งมาวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ ทว่าเป็น จอร์ดี้ อัลบา กระโดดขวางทางปืน บล็อกบอลช่วยทีมเอาไว้ได้ทัน

นาที 44

ช่วงท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ วางบอลให้ จอร์ดี้ อัลบา เติมเกมสูง วิ่งสอดหลุดเข้าไปเกี่ยวบอลลงที่สุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดเลียดมาที่หน้าเสาแรกให้ อันซู ฟาติ แต่งเข้าขวาแล้วกดเร็วเน้น ๆ แต่บอลดันพุ่งไปติดบล็อกของ ดาวิด อลาบา กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสูสี ผลัดกันรุกผลัดกันรับได้อย่างสนุก เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ที่ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ ทว่าทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกได้น้ำได้เนื้อ วูบวาบน่ากลัวกว่า ยิงขึ้นนำไปก่อนแล้ว สกอร์ตอนนี้ บาซ่า 0 มาดริด 1 !!!

นาที 46

เริ่มครึ่งหลังมา เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า แก้เกมด้วยการส่ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์จอมลากเลื้อยชาวบราซิลเลี่ยน ลงสนามมาสร้างสรรค์เกมรุกแทน ออสการ์ มินเกซ่า แบ็คขวาที่วันนี้รั่วเหลือเกินออกไปพัก

นาที 47

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ จอร์ดี้ อัลบา เติมสูงมาจ่ายยัดไปที่หน้าเสาแรกซ้ายมือให้ อันซู ฟาติ ที่ยืนหันหลังให้ประตู ใช้ตัวบังบอลก่อนจะตวัดย้อนหลังเข้ากลางมาให้ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา วิ่งสิดมาแปด้วนซ้ายเน้น ๆ โดน ดาวิด อลาบา ขวางทางปืน บล็อกบอลออกหลังไปได้ทันหวุดหวิด

นาที 48

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุด ๆ  เป็นจังหวะ เมมฟิส เดอปาย ได้บอลหลุดไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเลียดมาที่เสาแรกให้ อันซู ฟาติ ได้สอดมาวางเท้าแปด้วยซ้ายเน้น ๆ โล่ง ๆ ส่งบอลพุ่งแรงแต่ดันไปตรงตัวของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน คว้าติดมือเอาไว้ได้อย่างน่าเสียดาย 

นาที 55

ทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้ทักทายบ้าง จังหวะนี้ สวนกลับขึ้นมาแล้วเป็น แฟร็กล้องด์ เมนดี้ ลากพาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะตัดสินใจกดด้วยขวาเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ยังไปตรงตัวของ มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 60

เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมง เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า พยายามบุกตีเสมออย่างหนัก ทว่าเป็นทางฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด ที่สวนกลับมาได้ลุ้น จากจังหวะ วินิซิอุส จูเนียร์ ตัวป่วนคนเดิม กระชากหลุดเข้าไปในเขตโทษเกือบได้ง้างเท้ายิง ยังดีที่ แซร์จินโญ่ เดรสต์ วิ่งหน้าตั้ง ตามลงมาตัดบอลทิ้งจังหวะสุดท้ายได้ทันเฉียดฉิว

นาที 62

ทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ลูก้า โมดริช ได้บอลหลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะกระดกบอลเข้ากลางให้ คาริม เบนเซม่า วิ่งสอดมาได้โอกาสวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้นน่ากลัว ทว่ายังพุ่งไปตรงตัวของ มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองเอาไว้ได้ทัน

นาที 72

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า บุกขึ้นมาทางกราบขวา จังหวะนี้ แซร์จินโญ่ เดรสต์ ลากตัดเข้าในมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงมีน้ำหนัก ทำท่าจะเสียบใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยังยืนตำแหน่งได้ดี ผวาปัดข้ามคานออกไปนิดเดียว 

นาที 74

โรนัลด์ คูมัน กุนซือชาวดัตช์ ของทางฝั่งเจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า เริ่มนั่งไม่ติด ต้องปรับหมากด้วยการส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงสนามมาเพื่อจบสกอร์แทน อันซู ฟาติ ที่ดูเหมือนจะหมดแรง ถูกส่งออกไปพัก

นาที 85

เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ได้ลุ้นประตูตีเสมออีกครั้ง จากจังหวะ เมมฟิส เดอปาย ได้บอลหลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะเปิดบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษให้ เซร์คิโอ เกวโร่ ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ แต่เจ้าตัวกดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคานออกไป

นาที 90+3 GOAL!!!

ทีมเยือน เรอัล มาดริด มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! จากจังหวะสวนกลับเร็ว ลูคัส บาสเกซ แทงบอลให้ มาร์โก อเซนซิโอ้ ได้กระชากหนีกองหลังเจ้าถิ่น หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกติดเซฟของ มาร์ค อังเดร แตร์ สเตเก้น ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปัดมาเข้าทางปืนของ ลูคัส บาสเกซ ที่วิ่งตามขึ้นมาพอดี ได้ชาร์จจ่อ ๆ โล่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกกันตาข่าย ไม่เหลือซาก

นาที 90+7 GOAL!!!

ช่วงทดเจ็บ เจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 !!! แซร์จินโญ่ เดรสต์ ลากจี้มาโยกหนีตัวประกบ กระชากหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะครอสเร็วเข้าไปที่กลางประตูให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ได้สอดมากระโดดแปด้วยขวาโล่ง ๆ หนีมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น บาร์เซโลน่า ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! รั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับโอซาซูน่า ในคืนวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านบาร์เซโลน่า อยู่อันดับที่ 9 ของตาราง นัดต่อไปจากออกไปเยือนราโย่ บาเยกาโน่ ในวันเดียวกันแต่คนละเวลา