กาตาร์ปล่อยตัว ‘ชายบุกสนาม’ พร้อมสั่งแบนจากบอลโลก

ชายผู้บุกรุกเข้าสนามเพื่อแสดงสัญลักษณ์ ระหว่างเกมฟุตบอลโลกนัดที่ โปรตุเกส พบกับ อุรุกวัย ได้รับการปล่อยตัวเรียบร้อยแล้ว แต่เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าสนามในฟุตบอลโลกครั้งนี้อีก

คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เกมฟุตบอลโลกระหว่าง “ฝอยทอง” กับ “จอมโหด” ต้องหยุดลงชั่วคราวช่วงนาทีที่ 50 เนื่องจากมีชายคนหนึ่งวิ่งฝ่าหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้าไปในสนาม

ชายคนดังกล่าวสวมเสื้อโลโก้ซูเปอร์แมน ด้านหน้ามีเขียนข้อความว่า “เซฟยูเครน” ส่วนด้านหลังเขียนว่า “ขอแสดงความเคารพต่อผู้หญิงอิหร่าน”

นอกจากนี้ชายคนนั้นยังโบกธงสีรุ้งอันเป็นสัญลักษณ์สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ซึ่งธงดังกล่าวเขียนอีกว่า “สันติภาพ”

มีการเปิดเผยว่าชายคนดังกล่าวเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาเลียนชื่อ มาริโอ เฟอร์รี่ และก่อนหน้านี้เขาเคยบุกเข้าสนามมาแล้วหลายครั้ง ล่าสุดคือในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมระหว่าง เบลเยียม กับ สหรัฐอเมริกา

เฟอร์รี่ เขียนข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งตอนนี้โดนลบไปแล้ว เปิดเผยสาเหตุที่เขาทำแบบนั้น

“ข้อแรก ผมมีเพื่อนหลายคนที่ได้รับผลกระทบใน อิหร่าน และต้องการส่งข้อความไปยังประเทศนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้หญิงไม่ได้รับการเคารพ… โลกนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และเราสามารถร่วมกันทำแบบนั้นได้ด้วยการแสดงออกอย่างแข็งแกร่งอันมาจากจิตใจพร้อมความกล้าหาญ”

“ข้อสอง ฟีฟ่า สั่งแบนปลอกแขนกัปตันและธงสีรุ้งที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน, พวกเขาสั่งห้ามทุกคน แต่ไม่ใช่ผม!, ผมคือ โรบิน ฮู้ด เวอร์ชั่นใหม่ และผมแสดงข้อความนั้นแทนเหล่าผู้คน, เราต้องการโลกเสรีที่ให้ความเคารพทุกเผ่าพันธุ์และทุกแนวคิด”

“ข้อสาม ผมเป็นอาสาสมัคร 1 เดือนใน เคียฟ และผมได้เห็นว่าผู้คนที่นั่นเจอความยากลำบากแค่ไหน, เราต้องการสันติภาพในยูเครน, ยูเครน จงเจริญ!”

ถึงแม้จะมีอุดมการณ์ แต่ เฟอร์รี่ ก็โดนเจ้าหน้าที่ของ กาตาร์ จับกุมตัวไปโดยทันที และหลังจากนั้นฝ่ายจัดการแข่งขันออกแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

“ภายหลังเหตุการณ์บุกรุกสนามที่เกิดขึ้นระหว่างเกม โปรตุเกส พบ อุรุกวัย”

“เราขอยืนยันว่าบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ถูกนำตัวออกจากสนาม และหลังจากนั้นไม่นานได้รับการปล่อยตัวเรียบร้อยแล้ว โดยสถานทูตประจำประเทศของเขาได้รับแจ้งเรื่องนี้”

“ตามแนวทางปฏิบัติปกติ การกระทำของผู้ก่อเหตุ ส่งผลให้เขาถูกแบนจากการเข้าสนามเพื่อเข้าชมการแข่งขันรายการนี้”

หลังจากถูกปล่อยตัว เฟอร์รี่ เขียนลงไอจีเพิ่มเติมว่า

“ตอนนี้ผมมีอารมณ์ร่วมอย่างมาก, ผมไม่ต้องเจอปัญหาทางกฎหมาย และตอนนี้เป็นอิสระแล้ว”

“ผมขอเรียกการกระทำนี้ว่า ‘การเต้นรำครั้งสุดท้าย’ เพราะมันคือครั้งสุดท้ายที่ผมจะวิ่งลงสนาม ผมต้องการแสดงข้อความที่มีความสำคัญสำหรับผม และผมเก็บเรื่องเหล่านั้นไว้ในใจเป็นเวลาหลายเดือน”

“การทำผิดกฎไม่ใช่อาชญากรรม หากทำลงไปด้วยอุดมการณ์ที่ดี”