คาวานี่-ซัวเรซซัดคนละเม็ด!! “อุรุกวัย” เปิดบ้านไล่ถล่ม “เวเนซุเอลา” ไปได้แบบขาดลอย 4-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพจอมโหด ทีมชาติ อุรุกวัย เปิดสนาม เอสตาดิโอ เซนเตนาริโอ้, รัฐมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย ต้อนรับการมาเยือนของทัพไวน์แดง เวเนซุเอลา ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ นัดที่ 16 เมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น อุรุกวัย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีเอโก้ อลอนโซ่ มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย ดีเอโก้ โกดิน ปราการหลังตัวเก๋า เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ กองกลางห้องเครื่อง และ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เวเนซุเอลา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โฮเซ่ เกเปร์มัน มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย โตมัส รินคอน กองกลางห้องเครื่อง เยเฟร์สัน โซเตลโด้ เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม และ ซาโลมอน รอนดอน ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม

นาที 1 GOAL!!!

เปิดฉากครึ่งแรกมาไม่ถึงนาที เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพจอมโหด ทีมชาติ อุรุกวัย ที่ทะยานออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ความขยันของ เอดินสัน คาวานี่ ที่สปีดหน้าตั้งตามไปเก็บบอลเอาไว้ได้ที่สุดเส้นฝั่งขวา ก่อนจะครอสบอลจังหวะเดียวเข้าไปในเขตโทษโดนแนวรับทีมเยือน โขกสกัดไม่ดีย้อนออกมาที่บริเวณหัวกระโหลกเข้าทาง โรดรีโก้ เบนทันคูร์ วิ่งมาซัดเปรี้ยงสวนตูมเดียว ส่งบอลพุ่งเลียดกระดอนพื้นผ่านมือ วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบโคนเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 11

เจ้าถิ่น อุรุกวัย เดินหน้าลุยต่อทันที จังหวะนี้ จอร์เจียน เด อาร์ราสกาเอต้า บรรจงหยอดบอลโด่งจากหน้ากรอบฝั่งซ้าย ข้ามฟากไปที่หน้าเสาไกลขวามือให้ ฟากุนโด เปลิสตรี้ ได้โฉบมาเทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งไปติดหลังของ เอดิสัน คาวานี่ พวกเดียวกันเอง สุดท้ายกระเด้งหลุดออกหลังไป ไม่ได้ลุ้นเท่าไหร่

นาที 13

ทีมเยือน ทัพไวน์แดง เวเนซุเอลา ได้ทักทายบ้าง จังหวะนี้ โรมูโล่ โอเตโร่ รับบอลมาที่หน้าเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวแต่งหนึ่งที ก่อนจะขอลองวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแล้วฮุคลงไปตรงตัวของ เซร์คีโอ โรเชต ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาเซฟกระฉอกออกมา สุดท้ายตามมาตะครุบเอาไว้ได้ทันเกือบมีปัญหา

นาที 15

ทีมเยือน เวเนซุเอลา ได้บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ เยเฟร์สัน โซเตลโด้ ขยับมาเก็บบอลทางกราบซ้าย เจ้าตัวแทงทะลุช่องหักข้อต่อให้ ออสการ์ กอนซาเลซ หลุดขึ้นมาทางริมกรอบด้านซ้าย ก่อนจะครอสเร็วเข้าไปที่กลางประตูให้ ซาโลมอน รอนดอน ทว่าเป็น เซร์คีโอ โรเชต ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น อ่านเกมขาด พุ่งออกมาตัดบอล คว้าเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 17

เจ้าถิ่น อุรุกวัย ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ โรดรีโก้ เบนทันคูร์ บรรจงหยอดบอลโด่งข้ามฟากเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ฟากุนโด เปลิสตรี้ โฉบไปถึงบอลที่สุดเส้นหลัง เลือดโหม่งย้อนกลับเข้ากลางมาที่หน้าเสาแรกขวามือตั้งให้ เอดิสัน คาวานี่ ได้วิ่งมาซัดด้วยขวาเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลเหินข้ามคาน ลอยขึ้นอัศจรรย์ไปไกล ชนิดน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 23 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ทัพจอมโหด อุรุกวัย มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ ความยอดเยี่ยมของ ฟากุนโด เปลิสตรี้ ที่โชว์ความสามารถเฉพาะตัว พาบอลพลิ้วแหวกผ่านคู่แข่ง ได้ทะลุหลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะตวัดเลียดถวายพานย้อนมาที่หน้าเสาแรกขวามือตั้งให้ จอร์เจียน เด อาร์ราสกาเอต้า กดด้วยขวาเน้น ๆ แบบไม่จับสวนตัว วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เบียดเสาใกล้เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก

นาที 30

เจ้าถิ่น อุรุกวัย พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ โรดรีโก้ เบนทันคูร์ เบิ้ลบอลโด่งจังหวะเดียวข้ามแนวรับไปยังพื้นที่ว่างหน้าเสาแรกของมือให้ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้าหน้า หลุดเดี่ยวไปตัดสินกระดกบอลกึ่งยิงกึ่งผ่านหนีตัว วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไปที่เสาไกลซ้ายมือโดยมี เอดิสัน คาวานี่ กางมุ้งรออยู่ ทว่าเป็น โตมัส รินคอน ตามมาโหม่งสกัด เคลียร์ทิ้งออกหลังไปได้ทัน ถ้าเจ้าตัวเลือกยิงเองอาจจะได้ประตูไปแล้วในจังหวะนี้

นาที 36

เข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก เจ้าถิ่น อุรุกวัย ยังทำได้ดีกว่า จังหวะนี้ ฟากุนโด เปลิสตรี้ ลุยขึ้นมาแล้วป้ายออกซ้ายให้ เอดินสัน คาวานี่ ได้โยกตัดเข้ากลางมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะได้ช่องวางเท้าปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลไปแฉลบบล็อกของ นาอูเอล เฟร์ราเรซี่ สุดท้ายพุ่งผ่านหน้า วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปชนิดได้เสียว

นาที 39

เจ้าถิ่น อุรุกวัย พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่มอีกครั้ง จากจังหวะ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ขยับเติมเกมรุก ลากขึ้นมาส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ ระยะร่วม 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นรับยากไปถูก วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาเซฟกระฉอกเข้าทาง หลุยส์ ซัวเรซ ได้ตามมาซ้ำจ่อ ๆ แต่จังหวะง้างเท้าโดนกองหลังพุ่งเสียบพอดีทำให้ยิงไม่ค่อยถนัด สุดท้ายบอลกลิ้งไปตรงตัวเข้ามือนายทวารเวเนซุเอลา รับเอาไว้ได้อย่างน่าเสียดาย 

นาที 45+1 GOAL!!!

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เจ้าถิ่น อุรุกวัย มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! จากจังหวะ ชุลมุนขลุกขลิกในเขตโทษ แล้วเป็น หลุยส์ ซัวเรซ ซัดเน้น ๆ ไปแฉลบบล็อก บอลเปลี่ยนทางกระดอนไปที่หน้าเสาไกลซ้ายมือเข้าทาง จอร์เจียน เด อาร์ราสกาเอต้า พุ่งเข้าชาร์จทิ่มบอลลอยขึ้นฟ้าตั้งให้ เอดินสัน คาวานี่ ได้ทิ้งตัวจักรยานอากาศโล่ง ๆ จ่อ ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ทัพจอมโหด ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายพับสนาม ขึงเกมรุกบุกใส่ทีมเยือน ทัพไวน์แดง อยู่แทบจะฝั่งเดียว ยิงประตูออกรำไปก่อนแล้วถึงสามลูก สกอร์ตอนนี้ อุรุกวัย 3 เวเนซุเอลา 0 !!!

นาที 49 GOAL!!!

เริ่มครึ่งหลังมาได้ 4 นาที เจ้าถิ่น อุรุกวัย มาได้บวกสกอร์เพิ่มเป็น 4-0 !!! จากจังหวะ ฟากุนโด เปลิสตรี้ พลิ้วหลุดเข้าไปโดน นาอูเอล เฟร์ราเรซิ ตามมาแซะจากด้านหลังร่วงลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินขอวิ่งออกไปเช็ค VAR เพื่อความชัวร์ สุดท้ายกลับลงมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษแก่ทัพจอมโหดทันที แล้วเป็น หลุยส์ ซัวเรซ รับหน้าที่สังหาร ทว่าดันซัดไปติดเซฟของ วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทว่าดันได้ยิงใหม่เนื่องจาก ผู้ตัดสินมองว่านายทวารเวเนซุเอลาออกมาจากเส้นประตูมากเกินไป แล้วก็เป็น ศูนย์หน้าแอตมาดริด เจ้าเก่า แก้ตัวสำเร็จ ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

นาที 57 

ทีมเยือน เวเนซุเอลา ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เยเฟร์สัน โซเตลโด้ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ โจเซฟ อันเดรส มาร์ติเนซ สอดมาเทคตัวเบียดขึ้นโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งย้อนศรไปที่เสาแรก ทว่าเป็น เซร์คีโอ โรเชต ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังยืนตำแหน่งได้ดี ผวาทิ้งตัวไปคว้าเอาไว้ได้ทัน

นาที 61

เจ้าถิ่น อุรุกวัย เกือบได้ประตูลูกที่ห้า จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จอร์เจียน เด อาร์ราสกาเอต้า หลุดขึ้นมาถึงหน้ากรอบฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสโด่งไปที่หน้าเสาไกลขวามือให้ เอดิสัน คาวานี่ สอดมาจับบอลหนึ่งที ตามด้วยการฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นสวนตัว วิลเคอร์ ฟารินเญซ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ทว่าผู้ตัดสินเป่าย้อนให้เป็นลูกล้ำหน้า เฮเก้อกันไปสำหรับแฟน ๆ

นาที 65 GOAL!!!

ทีมเยือน เวเนซุเอลา มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 4-1 !!! จากจังหวะ ความผิดพลาดของ โฆเซ่ ฆิเมเนซ ที่กะจังหวะโหม่งสกัดบอลไม่ดี แล้วเป็น โจเซฟ มาร์ติเนซ วิ่งโฉบฉกบอล เก็บส้มหล่นกระชากหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะได้ล่อเป้า แปด้วยขวาตามน้ำเน้น ๆ สวนตัวของ เซร์คีโอ โรเชต ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 70

ทีมเยือน เวเนซุเอลา ได้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง แถมพลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีตื้นจังหวะนี้ เกมรับจอมโหดเล่นกันผิดพลาดอีกแล้ว สกัดไม่ดีปล่อยให้ จอน โมริลโล่ สปีดแซงกองหลังตัวสุดท้าย หลุดเดี่ยวโล่ง ๆ ไปจิ้มบอลสวนตัว เซร์คีโอ โรเชต ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 78 

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น อุรุกวัย ผ่อนเกมลงอย่างเห็นได้ชัด จังหวะนี้ โฮเซ่ มาเรีย กิเมเนซ แนวรับแอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้แก้ตัว สบโอกาสซัดเน้น ๆ ด้วยขวาตรงกลางเขตโทษ ทว่ายังไม่เข้าเป้า ส่งบอลหลุดกรอบออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

หมดเวลาการแข่งขัน เจ้าถิ่น อุรุกวัย เปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะทีมเยือน เวเนซุเอลา ไปได้ด้วยสกอร์ 4-1 !!! ขยับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเปรู ในเช้าวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2565 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเวเนซุเอลา รั้งบ๊วยของตารางอยู่เหมือนเดิม นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนอาร์เจนติน่า ในวันเวลาเดียวกัน