ดราม่าสุด! “ลิเวอร์พูล” โดนเร็วเว่อร์ สุดท้ายบุกมาพ่าย “เวสต์แฮม” 3-2

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดสนาม ลอนดอน สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 11 เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เดวิด มอยส์ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย โธมัส ซูเช็ค มิดฟิลด์ห้องเครื่อง ซาอิด เบนราห์ม่า ตัวทำเกมจอมพลิ้ว และ มิคาอิล อันโตนิโอ กองหน้าดาวซัลโวของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ด และ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าตัวโป้งปิดบัญชีของทีม

นาที 4 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ปาโบล ฟอร์นาลส์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กรอบ 6 หลา แล้วเป็น อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ออกมาตัดบอลแต่โดน อันเจโล่ อ็อกบอนน่า พุ่งมากระแทกกลางอากาศ ทำให้ปัดโดนแค่นิดเดียว สุดท้ายบอลปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป ซุกก้นตาข่าย แบบงง ๆ จังหวะนี้ ผู้ตัดสิน เคร็ก พอว์สัน เช็ค VAR อยู่นาน สุดท้ายยืนยันให้เป็นสกอร์ของทัพขุนค้อน 

นาที 7

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบจะมีตัวผู้เล่นมากกว่า จากจังหวะ แอรอน เครสส์เวลล์ ไปเปิดปุ่มเข้าบอลอันตรายใส่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ผู้ตัดสิน เคร็ก พอว์สัน วิ่งออกไปเช็ค VAR อยู่นาน สุดท้ายให้เล่นต่อไป ซึ่งภาพช้าจะเห็นได้ว่า เป็นการเข้าบอลที่น่าเกลียดสุด ๆ ทำให้บาดเจ็บรุนแรงได้เลย หลังจบเกมมีดราม่ากรรมการแน่นอน

นาที 15

เกมต้องหยุดลงไปพักใหญ่ ๆ เมื่อ อันเจโล่ อ็อกบอนน่า พยายามวิ่งกวดกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ แต่จังหวะพลิกตัว เจ้าตัวดันเกิดอาการบาดเจ็บล้มลงไปนอน ทีมแพทย์ต้องรีบวิ่งเข้ามาดูอาการอยู่นาน สุดท้ายเดินโขยกกลับลงมาเล่นต่อได้ ไม่มีปัญหา

นาที 22

เกมนี้ค่อนข้างเดือด เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ครึ่งแรก จากจังหวะ อันเจโล่ อ็อกบอนน่า เจ้าเก่า กลับลงมาเล่นแล้วขึ้นโขกสกัดโดน ดีโอโก้ โชต้า หมุนตัวเอาศอกมากระแทกคิวขวาเต็ม ๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจจนเลือดอาบ สุดท้าย เดวิด มอยส์ กุนซือของทีม ตัดสินถอดเจ้าตัวออกไปห้ามเลือด แล้วจัดการส่ง เคร็ก ดอว์สัน ลงสนามมาทำหน้าที่แทนในตำแหน่งเดียวกัน

นาที 32

ครึ่งชั่วโมงผ่าน ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ครองบอลได้มากกว่าก็จริง แต่โอกาสลุ้นทำประตูยังมีน้อย จังหวะนี้ ฟาบินโญ่ ไหลออกไปทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้บรรจงตักบอลเข้าไปที่หน้าเสาแรก แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า โฉบมาโหม่งขวิดเน้น ๆ คนเดียว แต่เจ้าตัวกดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปแบบได้เสียว

นาที 35

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ติดเครื่องลากจี้เข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเข้ากลางไปติดหัวของ เคิร์ต ซูม่า โหม่งสกัดเคลียร์ออกมาเข้าทาง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วิ่งมาหวดเน้น ๆ ด้วยขวานอกกรอบ สวนกลับเข้าไปติดบล็อกของ ซาอิด เบนราห์ม่า กระเด้งกลับมาได้ซ้ำ บอลปลิ้นหลังเท้า ลอยหลุดออกไปไกล

นาที 40 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 20 หลา บริเวณหน้าหัวกระโหลกบนเส้นพอดี แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ เขี่ยเปลี่ยนจุดสั้น ๆ ตั้งให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยเสียบเสาขวามือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทำได้แค่ยืนมอง

นาที 45+6

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง เป็นจังหวะ ซาอิด เบนราห์ม่า วิ่งสอดไปดูดบอลลง ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดเข้ากลางชงให้ จาร์ร็อด โบเว่น ปรี่มาซัดเน้น ๆ ทว่าต้องชม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กระโดดมาขวางทางปืน บล็อกป้องกันช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกเข้าใส่กันตามสไตล์ เป็นทางเจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม หลังจากนั้นเป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลขึงเกมรุก บุกอย่างต่อเนื่องอยู่แทบจะฝั่งเดียว ตีเสมอได้สำเร็จ สกอร์ตอนนี้ เจ๊ากันอยู่ที่ 1-1 !!!

นาที 50

เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นเจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ปาโบล ฟอร์นาลส์ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่เสาแรกให้ เคร็ก ดอว์สัน ได้เทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง กระเด้งออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 52

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ตอบโต้ขึ้นมาได้ลุ้นประตูขึ้นนำเหมือนกัน เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วางบอลยาวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมสูงสอดไปตบเข้ากลางจังหวะเดียวให้ ซาดิโอ มาเน่ พุ่งเข้าชาร์จด้วยขวาเต็ม ๆ ทว่าน่าเสียดาย บอลดันไปตรงตัวของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปัดทิ้งออกมาได้ทัน

นาที 57

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ พาบอลแหวกทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายได้สวย ก่อนจะเปิดเลียดย้อนเข้ากลางให้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งมาตวัดยิงตามน้ำด้วยซ้าย ส่งบอลพุ่งแรงหลุดเสาแรก ลอยโด่งเหินข้ามคานออกไปไกลอย่างน่าเสียดาย

นาที 65

เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ เบน จอห์นสัน เบียดแย่งบอลมาจาก ซาดิโอ มาเน่ ได้ลากมาถึงระยะอันตรายหน้าเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจตะบันด้วยขวานอกกรอบกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวด หนีมือของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ถากเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 67 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 !!! จากจังหวะความยอดเยี่ยมของ จาร์ร็อด โบเว่น กระชากพาบอลสวนกลับ เลี้ยงแหวกคู่แข่งขึ้นมาเองจากแดนตัวเองถึงกึ่งกลางสนามได้สวย เจ้าตัวแทงทะลุช่องคิลเลอร์พาสต่อให้ ปาโบล ฟอร์นาลส์ วิ่งสอดหลุดเดี่ยวเข้าไปถึงกลางหัวกระโหลก ก่อนจะได้ล่อเป้า ก้มหน้าบรรจงแปด้วยซ้ายเน้น ๆ ติดมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดไม่พ้น บอลปลิ้นเข้าประตไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 73

เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ปาโบล ฟอร์นาลส์ เบิ้ลบอลจังหวะเดียวให้ มิคาอิล อันโตนิโอ ได้พยายามลากพาบอลเข้าไปหาช่องยิงในเขตโทษ ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะเป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังร่างใหญ่ ตามมาช่วยบล็อกบอล เปลี่ยนทางกระดอนออกหลังไป ได้เป็นลูกเตะมุมแทน

นาที 74 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 !!! จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งขวา จาร์ร็อด โบเว่น เปิดบอลโด่งโค้งสวย ลอยลึกไปที่หน้าเสาไกล แล้วเป็น เคิร์ต ซูม่า ขยับโฉบตัดหน้า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ได้ขึ้นโขกเหน่ง ๆ แบบไร้ตัวประกบจ่อ ๆ แสกหน้า อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 82

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาทางกราบขวา จังหวะนี้ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ติดเครื่องลากลุยทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะไหลนิ่ม ๆ เข้ากลางตั้งให้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า วิ่งสอดมาวางเท้ายิงด้วยขวาเน้น ๆ ทว่าบอลเบาไร้น้ำหนัก แถมตรงตัวของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 83 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีตื้นไล่ขึ้นมาเป็น 3-2 !!! จากจังหวะ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายบอลยัดเข้าไปที่กลางประตูให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จับบอลไม่เนียนโดน เคิร์ต ซูม่า ปั๊มสกัดมาเข้าทาง ดิว็อค โอริกี้ บริเวณหน้าจุดโทษ ได้กระดกบอลกลับหลังอย่างเหนือชั้น ก่อนจะพลิกตัวตามมาฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งกระดอนพื้นหนีตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 90

ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกทางกราบขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงหยอดโด่งลึกไปที่เสาไกล แล้วเป็น ซาดิโอ มาเน่ ขยับตัดหลังหนีตัวประกบ ได้ทิ้งตัวโขกโล่ง ๆ ส่งบอลถากเสาซ้ายมือ หลุดกรอบออกไปเองอย่างไม่น่าเชื่อ

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน ลิเวอร์พูล ไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 !!! เขยิบแซงขึ้นมารั้งอันดับที่ 3 ของตาราง โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนวูล์ฟแฮมป์ตัน ในคืนวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านลิเวอร์พูล ร่วงมาอยู่ที่ 4 ของตารางคะแนน นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับอาร์เซน่อล ในวันเดียวกันแต่คนละเวลา