มันถูกลิขิตไว้แล้ว!! เมสซี่ ถึงฝัน ฟ้า-ขาว แม่นโทษ ซิวแชมป์โลกสุดยิ่งใหญ่ 

นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง อาร์เจนติน่า  กับ ฝรั่งเศส ที่สนาม ลูเซล สเตเดี้ยม ใน

ศึก ฟุตบอลโลก2022 (ทีมชาติ) เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ อาร์เจนติน่า จะมาเล่นด้วยระบบ 4-4-2 นำโดยเสาหลักขาประจำเหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ,คริสเตียน โรเมโร่,โรดรีโก้ เดอ ปอล,อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์,เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ ลิโอเนล เมสซี่

ขณะที่ ฝรั่งเศส จะมาสู้ด้วยระบบ 4-3-3 นำโดยเสาหลักหน้าคุ้นของทีมอย่าง อูโก้ ญอริส,ราฟาเอล วาราน,อองตวน กรีซมันน์,อาเดรียน ราบิโอต์,โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นต้น 

นาทีที่ 23 อาร์เจนติน่า ขึ้นนำ 1-0

อาร์เจนติน่า ที่คุมเกมได้เบ็ดเสร็จในช่วงต้นเกม พวกเขาก็มาได้ประตูที่ต้องการก่แนเลย จากจังหวะที่ ดิ มาเรีย เลี้ยงลอลหนี เดมเบเล่ จากสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย จนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน เดมเบเล่ วิ่งตามมาผลักทดิ มาเรีย จากด้านหลังล้มลงไปกองกับพื้น กรรมการไม่ลังเลชี้ให้ อาร์เจนติน่า ได้ลูกจุดโทษทันที แล้วก็เป็น ลิโอเนล เมสซี่ ที่สังหารลูกนี้เข้าไปไม่พลาด

นาทีที่ 36 อาร์เจนติน่า หนีห่าง 2-0

ช่วงท้ายเกม อาร์เจนติน่า อาศัยความผิดพลาดของ ฝรั่งเศส เล่นเกมสวนกลับเร็ว ได้ประตูที่2 จนได้ จากจังหวะที่พวกเขาตัดบอลได้ในแดนตัวเอง บอลเริ่มที่ เมสซี่ จ่ายออกซ้ายให้ อัลวาเรซ เบิ้ลต่อจังหวะเดียวให้ แม็คอัลลิสเตอร์ หลุดเดี่ยว แต่เจ้าตัวนิ่งพอไม่เลือกยิงเอง เขาเลือกปาดไปเสาปรกให้ ดิ มาเรีย วิ่งมายิงตามน้ำแบบไม่ต้องตับ ส่งบอลสวนตัว ญอริส ตุงตาข่ายไม่มีเหลือ 

หมดครึ่งเวลาแรก

อาร์เจนติน่า – 2

ฝรั่งเศส – 0

นาทีที่ 80 ฝรั่งเศส ตีไข่แตก 2-1

ฝรั่งเศส เอาจนได้ พวกเขาบดหนักจนทวงประตูตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่ โอตาเมนดี้ ไปเล่นยาก เคลียร์บอลพลาด โดน มูอานี่ แย่งบอลไปครอง ก่อนจะลากหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และก็เป็น โอตาเมนดี้ ที่ตามมาทำฟาวล์ มูอานี่ จนได้ กรรมการไม่มีทางเลือก วิ่งมาเป่าให้ ฝรั่งเศส ได้จุดโทษบ้าง แล้วก็เป็น เอ็มบัปเป้ ที่สังหารลูกนี้ไม่มีพลาด 

นาทีที่ 81 ฝรั่งเศส ตีเสมอ 2-2 

ฝรั่งเศส ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีจากลูกตีไข่แตก อาศัยจังหวะที่แนวรับของ อาร์เจนติน่า เริ่มรวน ใส่สกอร์ตีเสมอจนได้ จากจังหวะที่ โคมัน ไปแย่งบอลจาก เมสซี่ ตรงกลางสนาม ก่อนจะเลือกแปิดเข้ากลางให้ ตูราม โหม่งชงให้ เอ็มบัปเป้ หลุดเข้าไปทิ้งตัววอลเลย์ ส่งบอลหนีมือ มาร์ติเนซ ตุงตาข่ายไม่มีเหลือ 

นาทีที่ 109 อาร์เจนติน่า แซงนำ 3-2 

ช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็น อาร์เจนติน่า ที่กลับมาพลิกเกม ทำประตูแซงนำได้อีกครั้ง จากจังหวะที่แนวรุกของ อาร์เจน ต่อบอลสั้นหน้ากรอบเขตโทษของ ฝรั่งเศส สุดท้ายไปจบที่ มาร์ติเนซ หลุดเข้าไปซัดติดเซฟ ญอริส แต่บอลยังไม่ตาย สุดท้ายเป็น เมสซี่ ที่ซ้ำดาบสองส่งบอลผ่านเส้นประตูไปอย่างสวย  อูปาเมกาโน่ พยายามสกัดแล้วแต่ไม่ทัน 

นาทีที่ 118 ฝรั่งเศส ตามตีเสมอ 3-3 !! 

แต่เกมยังไม่จบง่ายๆ ช่วงท้ายก่อนหมดเวลา ฝรั่งเศส เร่งเกมจนตีเสมอได้อีกครั้ง จากจังหวะที่ เอ็มบัปเป้ มีโอกาศได้ง้างเท้าซัดนอกกรอบ บอลพุ่งไปติดแขนของ กอนซาโล่ มอนเตียล นิดนึง ทำให้กรรมการที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนไม่รอช้า รีบเป่าให้ ฝรั่งเศส ได้จุดโทษทันที แล้วก็เป็น เอ็มบัปเป้ ที่ยิงลูกนี้ไม่พลาด กดแฮททริคในเกม พาทีมไล่ตามตีเสมอ อาร์เจนติน่า 3-3 จนได้ 

หมดเวลาการแข่งขัน ในเวลาปกติทั้งคู่กินกันไม่ลง จบเสมอด้วยสกอร์ 3-3 จนต้องไปตัดสินกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ลากยาวไปจนถึงฏีกา และสุดท้ายก็เป็น อาร์เจนติน่า ที่แม่นโทษมากกว่า ซิวแชมป์โลก ไปครองได้ในที่สุด