การแข่งขันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ระหว่าง เบลเยียม ลงสนามพบกับ อิตาลี เกมนี้ เบลเยียม ลงเล่นในระบบ 3-4-2-1 และทางด้าน อิตาลี มาสู้ในระบบ 4-3-3
นาทีที่ 13 อิตาลี ได้ทักทายก่อน
จากจังหวะลูกฟรีคิกของ โรแบร์โต้ อินซินเย่ เปิดบอลมาตกหน้าปากประตู โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ เข้าชาร์จไม่ถึงก่อนเป็น เลโดนาร์โด้ โบนุชชี่ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายไปไม่เหลือ แต่กลายเป็นว่าอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนแล้ว
นาทีที่ 22 เบลเยียม ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง
จากจังหวะของ เควิน เดอ บรอยน์ ลากบอลลุยขึ้นมายิงตรงบริเวณวงกลมเขตโทษ บอลพุ่งกำลังจะเข้าทางเสาซ้ายแต่เป็น จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่ยังไวบินปัดทิ้งช่วยทีมได้อย่างสุดยอด
นาทีที่ 26 จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยังโชว์เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้อีกหน
จากจังหวะของ เควิน เดอ บรอยน์ พลิกตัวหนีแข้งอิตาลี กระชากบอลขึ้นหน้าจ่ายบอลออกมาขวาให้ โรเมลู ลูกากู แต่งบอลหาช่องก่อนจะยิงเรียดหน้ากรอบเขตโทษไปทางเสาสองแต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยังล้มตัวเซฟบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
นาทีที่ 31 อิตาลี มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน
จากจังหวะของ ยาน แฟร์ต็องเกน สกัดบอลไม่ดีมาเข้าทาง มาร์โก แวร์รัตติ จ่ายบอลเข้าเขตโทษให้ นิโกโล่ บาเรลล่า โยกหลอกแนวรับเบลเยียมถึงสองคน ก่อนกดด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าซุกก้นตาข่ายด้านซ้ายไปอย่างเฉียบคม อิตาลี ขึ้นนำ 0-1
นาทีที่ 41 อิตาลี ยังขึงเกมรุกได้ดี
จากจังหวะลูกเตะมุมของ มาร์โก แวร์รัตติ เปิดบอลเข้ามาลุ้นหน้าประตูก่อนจะถูกแนวรับเบลเยียมช่วยกันเคลียร์แต่บอลไม่พ้นอันตรายมาเข้าทาง เฟเดริโก้ เคียซ่า บรรจงปั่นบอลโค้งเลี้ยวออกข้างเสาขวาไปแบบได้เสียว
นาทีที่ 44 โรแบร์โต้ อินซินเย่ ซัดประตูสุดสวย
จากจังหวะของ โรแบร์โต้ อินซินเย่ เลี้ยงบอลโยกหลอก ยูริ ตีเลอมันส์ ก่อนได้ลองยิงไกลระยะประมาณ 20 หลา บอลโค้งฮุบลงตาข่ายด้านขวา ติโบต์ กูร์กตัวส์ พยายามบินปัดแต่ไม่ถึง อิตาลี ทิ้งห่าง 0-2
นาทีที่ 45 เบลเยียม ไม่ยอมแพ้ทวงประตูคืนทันควัน
จากจังหวะของ เฌเรมี โดกู ใช้ความเร็วพาบอลเจาะเขตโทษทางซ้ายถูก โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ วิ่งเบียดก่อนใช้แขนดันล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้จุดโทษทันทีและเป็น โรเมลู ลูกากู รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ เบลเยียม ไล่มา 1-2
จบครึ่งเวลาแรก เบลเยียม ตามหลัง อิตาลี 1-2 รูปเกมเป็นทางฝั่ง อิตาลี ที่ทำได้เหนือกว่าและสร้างสรรค์จังหวะเข้าทำได้ดุดันมากกว่า ทำให้กุมความได้เปรียบไปก่อนในช่วงครึ่งเวลาแรก ต้องมาติดตามกันต่อในช่วง 45 นาทีหลัง
นาทีที่ 56 เบลเยียม เดินหน้าบุกทวงประตูคืน
จากจังหวะของ เควิน เดอ บรอยน์ จ่ายบอลมาให้ เฌเรมี โดกู กระชากบอลหนี มาร์โก แวร์รัตติ ปาดบอลจากทางฝั่งซ้ายเข้ามาลุ้น แต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ออกมาตัดหน้าไว้ได้ก่อน
นาทีที่ 61 เฌเรมี โดกู เล่นได้อย่างโดดเด่น
จากจังหวะของ เฌเรมี โดกู กระชากบอลขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะไหลต่อไปที่ เควิน เดอ บรอยน์ ปาดบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายมาถึง โรเมลู ลูกากู วิ่งเข้ามาซัดเน้น ๆ แต่บอลยังไปชน เลโดนาร์โด้ สปินาซโซล่า ใช้หัวเข่าดักบอลเอาไว้ได้ก่อน
นาทีที่ 70 เบลเยียม บอลไม่เป็นใจ
จากจังหวะของ ดรีส เมอร์เท่นส์ เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนจะปาดเรียดเข้าในให้ นาเซอร์ ชาดลี่ หลุดไปกึ่งยิงกึ่งผ่านบอลไปแฉลบเท้าผู้เล่นอิตาลีกระดอนผ่านหัว โรเมลู ลูกากู ที่พยายามขึ้นโหม่งไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 84 เฌเรมี โดกู เกือบมาชื่อบนสกอร์บอร์ด
จากจังหวะของ เฌเรมี โดกู เลี้ยงบอลโยกหลบแข้งอิตาลีถึงสามคน ก่อนได้ช่องยิงแต่กดไม่ลงบอลลอยเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดาย
จบเกม เบลเยียม แพ้ อิตาลี ไป 1-2 เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นทางฝั่ง อิตาลี ที่ทำได้ดีกว่าและสร้างสรรค์จังหวะจบสกอร์ได้เฉียบคมกว่าทำให้เอาชนะไปได้ในที่สุด ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ สเปน ในนัดต่อไป