เรอัล มาดริด โกงตาย!! พลิกกลับมาชนะ แมนซิตี้ ในบ้าน 3-1 ได้ลิ่วชิงดำกับ ลิเวอร์พูล ซะงั้น

นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง เรอัล มาดริด ที่เตรียมเปิดสนามเอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก(ยุโรป) เมื่อคืนวันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เรอัล มาดริด จะมาในระบบ 4-3-3 และคาดว่าคาร์โล อันเชลอตติ จะยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดแรกที่เจอกัน ลงสนามเหมือนเดิมทั้งหมด นำโดย ลูก้า โมดริช,โทนี่ โครส,วินิซิอุส จูเนียร์ และ คาริม เบนเซม่า

ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมาสู้ด้วยนะบบ 4-3-3 และใช้ผู้เล่นเซ็ทเดิมจากเกมที่พวกเขาเอาชนะ เรอัล มาดริด 4-3 ลงสนามเหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ไคล์ วอล์คเกอร์,เควิน เดอ บรอยน์,ฟิล โฟเดน และ ริยาด มาห์เรซ

นาทีที่ 4

เริ่มเกมได้แปปเดียว ราชันชุดขาว ก็จะเอาประตูนำเร็วเลย แต่ยังไม่ได้ เพราะลูกโหม่งทักทายของ เบนเซม่า มันเหินข้ามคานออกไปไกล ไม่ได้ลุ้นเลย

นาทีที่ 12

แมนซิตี้ เกือบขึ้นนำ จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนจะจ่ายให้ เดอ บรอยน์ ดีดไซด์ก้อยต่อให้ ริยาด มาห์เรซ ได้หลุดไปทางซ้าย สับขาหลอกตามสูตร ก่อนจะจบด้วยการปั่นโค้งๆ ด้วยเท้าขวา แต่ลูกนี้น่าจะยิงไม่ดีเอง บอลเลยหลุดกรอบออกไปไกล 

นาทีที่ 18

เรอัล มาดริด แม่นคาน อดได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ วัลเวร์เด้ ทำเกมขึ้นไปทางขวา ก่อนจะกระดกบอลต่อให้ เบนเซม่า แต่บอลมันแรงจนเลยไปเข้าทาง วินิซิอุส ที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน เจ้าตัวพักอกแต่งบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนจะซัดไกลเต็มข้อสวนเข้าไปที่กลางประตูอีกที แต่น่าเสียดายที่บอลมันพุ่งไปชนคานกระเด้งออกหลังไปเอง

นาทีที่ 40

ก่แนหมดเวลา 5 นาที ผลังจากบดอยู่นาน แมนซิตี้ ก็มาได้ลุ้นเสียวบ้าง จากจังหวะที่ คูร์กตัวส์ จะเตะสาดบอลขึ้นไปข้างหน้า แต่ถูกผู้เล่นแมนซิตี้ดักเอาไว้ได้ ก่อนจะไหลไปเข้าทาง โฟเดน เจ้าตัวเลยตัดสินใจยิงไกลสวนเลยทันที เดือดร้อน คูร์กตัวส์ ต้องออกแรงเซฟ

หมดครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมดูเกร็งกันมาก รูปเกมโดยรวมเลยผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่ตรงกลางสนาม เป็นส่วนใหญ่ จังหวะจะแจ้ง ยังไม่ค่อยมีให้เห็น แต่คิดว่าครึ่งหลัง น่าจะมีสกอร์ขยับแน่นอน 

นาทีที่ 73 แมนซิตี้ ปลอดล็อค 1-0 !!

ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นจนได้ และเป็นทีมเยือนที่ได้ประตูออกนำ จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ ควบพาขึ้นไปหน้าประตู ก่อนจะไหลออกด้านข้าง ให้ มาห์เรซ วิ่งมายิงแบบไม่ต้องจับ บอลโค้งเข้าเสาแรกไปอย่างสวย ชนิดที่ว่า ธิโบต์ คูร์กตัวส์ หมดสิทธิ์เซฟจริงๆ

นาทีที่ 90 ราชัน ตีเสมอ 1-1 !!

ช่วงท้ายเกม มีประตูเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นเจ้าบ้านที่ได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ คามาวิงก้า หยอดบอลให้ เบนเซม่า ตามไปตบกลับเข้ากลางให้ โรดรีโก้  โฉบมายิงตัดหน้า เอแดร์ซอน ที่กำลังจะออกมาตัดบอลหน้าประตู เข้าไปเฉยเลย เรอัล มาดริด 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 

นาทีที่ 90+2 ราชันชุดขาว 2-1 !!

เรอัล มาดริด บวกประตูที่สองได้ทันที หลังจากทำประตูตีเสมอได้ไม่นาน จากจังหวะสวนกลับเร็ว อเซนซิโอ ที่พาบอลขึ้นไปทางกราบขวา ก่แนจะได้ระนะครอสบอล เจ้าตัวเลยเปิดเข้ากลางประตู และเป็น โรดรีโก้ คนเดิมวิ่งหนีตัวประกบ มาโหม่งบอลเสียบคาน เข้าประตูไปอย่างสวย 

นาทีที่ 95 เรอัล มาดริด ปิดกล่อง 3-1 !!

ช่วงต่อเวลาพิเศษ แมนซิตี้ มาเสียประตูที่ 3 จนได้ จากจังหวะที่ ดิอาซ เข้าพรวดไปเสียบใส่ เบนเซม่า จากด้านหลัง จนแย้งฝรั่งเศส ล้มลงไปกองพื้น กรรมการจึงไม่รอช้าชี้เป็นจุดของของ เรอัล มาดริด ทันที และก็เป็น เบนเซม่า ที่ลุกขึ้นมาซัดลูกโทษเข้าไปไม่มีเหลือ เรอัล มาดริด 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1

หมดเวลาการแข่งขัน เหลือเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว จะกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ ด้วยสกอร์รวม 6-5 เขี่ย แมนซิตี้ กระเด็นตกรอบแบบน่าเจ็บใจ 

สนับสนุนไฮไลท์มันส์ๆ โดย ufabet