เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพเสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดสนาม ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค, เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมัน ต้อนรับการมาเยือนของทัพเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกฟุตบอล เดเอฟแอล ซุปเปอร์คัพ 2021 เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์โค โรเซ่ มาเล่นในระบบ 4-3-1-2 นำทีมโดย จู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งพรสวรรค์สูง มาร์โค รอยส์ เพลย์เมกเกอร์ความเร็วสูง และ เออร์ลิง เบราส์ ฮาแลนด์ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย โยชัว คิมมิช กองกลางสารพัดประโยชน์ แซร์จ กนาบรี้ ปีกตัวจี๊ด และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวความหวังสูงสุดของทีม
นาที 3
เปิดเกมมา ทั้งสองทีมแลกกันอย่างสนุก แล้วเป็นทางฝั่งทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกทางกราบซ้าย โยชัว คิมมิช เปิดบอลโค้งด้วยขวา ไปยังพื้นที่ว่างหน้าประตู แล้วเป็น โธมัส มุลเลอร์ ที่วิ่งโฉบมาทิ้งตัวสไลด์เข้าชาร์จบอลจ่อ ๆ แต่ถึงช้าไปแค่นิดเดียวเท่านั้น สุดท้ายบอลกระดอนไปเข้ามือ เกรเกอร์ โคเบล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับสบาย
นาที 8
ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย โยชัว คิมมิช เปิดบอลโค้งมาที่เสาแรก แล้วเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่โฉบมาโหม่งได้ก่อนใคร แต่ทว่า เจ้าตัวโดนเบียดจากทางด้านหลัง ทำให้โขกบอลได้ไม่ค่อยถนัด สุดท้ายผิดเหลี่ยม หลุดกรอบออกไปไกล
นาที 14
ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค น่าจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ คิงสเล่ย์ โกมัน ตัดบอลจาก เฟลิกซ์ พลาสลัค ได้ทางกราบซ้าย ก่อนจะลากขึ้นมาแล้วเปิดข้ามฟากไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ แซร์จ กนาบรี้ เจ้าตัวเบิ้ลบอลจังหวะเดียวเข้ากลางต่อให้ โธมัส มุลเลอร์ ได้วิ่งมาซัดด้วยขวา แต่บอลพุ่งไปติดบล็อคของ มานูเอล อคานจี ที่ตามมาสไลด์ขวางได้ทัน กระดอนออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม
นาที 15
ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค มีโอกาสได้ประตูอีกครั้งจังหวะนี้ เฟลิกซ์ พลาสลัค แบ็คขวาดอร์ทมุนด์ ทำพลาดโดน แซร์จ กนาบรี้ แย่งบอลจากเท้าไปได้ทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวลากจี้ไต่เส้นหลังเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายทันที ก่อนจะปาดเลียดมาที่เสาแรกให้ คิงสเล่ย์ โกมัน ได้พลิกตัวไปยิงด้วยขวาเน้น ๆ แค่ไม่กี่หลา แต่บอลดันหลุดกรอบ เหินข้ามคานออกไปเอง อย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 20
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร ต่อบอลกันขึ้นมาที่หน้าหัวกระโหลก แล้วเป็นเจ้าหนู จู๊ด เบลลิงแฮม แทงทะลุช่องคิลเลอร์พาสสุดสวยให้ มาร์โค รอยส์ ได้วิ่งตัดหลังแนวรับ หลุดเดี่ยวเข้าไปที่กลางประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทาง กะจะให้ไปเข้าที่เสาซ้ายมือ แต่เป็น มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่โชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งออกมาปิดมุมได้อย่างไว ทิ้งตัวใช้ขาเซฟเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 23
เกมแลกกันอย่างดุเดือด จังหวะนี้ นิคลาส ซือเล่ พุ่งไปเสียบหนักใส่ เออร์ลิง เบราส์ ฮาแลนด์ จนตัวลอย ผู้ตัดสินวิ่งมาควักใบเหลืองให้เจ้าตัวทันที เจ้าถิ่น ดอร์ทมุนด์ ได้เป็นฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปทางซ้าย แล้วเป็น มาร์โค รอยส์ รับหน้าที่ วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง บอลพุ่งแรง แต่เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 29
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกขึ้นมาทางกราบขวา จังหวะนี้ มาร์โค รอยส์ พาบอลขึ้นมาเอง ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องตัดหลังแนวรับให้ ยุสซูฟา มูโกโก้ กองหน้าดาวรุ่ง ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ทว่าจังหวะสุดท้าย เจ้าตัวซัดด้วยขวายัดไปที่เสาแรก แต่บอลเบาแถมไปตรงตัวของ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนรอคุมเสาอยู่แล้ว รับไว้ได้สบาย
นาที 33
ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ได้ฟรีหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย โยชัว คิมมิช เล่นลูกสูตร ทำท่าว่าจะเปิดโด่งไปที่เสาไกล แต่เปลี่ยนมาเป็นจ่ายเลียดหักข้อไปยังพื้นที่ว่างหน้าเสาแรกซ้ายมือให้ โธมัส มุลเลอร์ ได้ซัดเร็วไปติดบล็อก บอลกระเด้งคืนมาที่เจ้าตัวได้ซัดอีกทีก็ยังติดบล็อก สุดท้ายคราวนี้ กระดอนมาที่กลางประตูเข้าทาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ซัดด้วยซ้ายจ่อ ๆ แต่ก็ยังไปติดหลังของ อักเซล วิตเซล ลอยข้ามคานออกหลังไปอีกครั้งหนึ่ง
นาที 34
จังหวะต่อเนื่อง ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ได้เตะมุมทางฝั่งขวา โยชัว คิมมิช เปิดบอลพุ่งโค้งมาที่เสาแรก โธมัส มุลเลอร์ โฉบมาโหม่งแต่ไม่โดน บอลลอยเลยมาที่กลางประตูเข้าทาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ทิ้งตัววอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ คนเดียว แต่บอลก็ยังไม่เข้าเป้า ไซด์โค้งถากเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว
นาที 35
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โต้กลับเร็วขึ้นมา จังหวะนี้บอลมาถึง เออร์ลิง เบราส์ ฮาแลนด์ ได้ลากพาบอลจี้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องดื้อ ๆ ให้ ยุสซูฟา มูโกโก้ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ เอี้ยวตัวแปด้วยซ้ายนิ่ม ๆ ผ่านตัว มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ทว่าไลน์แมนยกธงให้เป็นล้ำหน้า ชวดได้ประตูไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 38
ทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค สวนขึ้นมาบ้างตรงกลาง จังหวะนี้ เลออน โกเร็ตซ์ก้า พยายามจะแทงบอลทะลุช่อง แต่บอลไปแฉลบแนวรับเสือเหลือง ก่อนจะลอยโด่งไปเข้าทาง คิงสเล่ย์ โกมัน ในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัววิ่งปรี่ไปฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเต็ม ๆ ยัดมุมแคบทันทีแบบไม่จับ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น ผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 39
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สวนกลับเร็วขึ้นมาเกือบจะได้ประตูขึ้นนำเหมือนกัน เป็นจังหวะ มานูเอล อคานจี วางยาวจากแดนตัวเองขึ้นหน้าทิ้งไปให้ เออร์ลิง เบราส์ ฮาแลนด์ ได้สปีดแซงสองกองหลังบาเยิร์นเห็น ๆ หลุดไปดูดบอลลงอย่างสวยที่หัวกระโหลก ก่อนจะซัดเร็วด้วยขวาโล่ง ๆ ไปติดเซฟของ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว้ ใช้ตัวบล็อกบอลเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 41 GOAL!!!
ทีมเยือน เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะ แทงบอลยาวขึ้นหน้ามายังฝั่งซ้าย แล้วเป็น แซร์จ กนาบรี้ สปีดมาเก็บบอลไว้ได้ทันที่สุดเส้นหลัง เจ้าตัวดึงบอลเลี้ยงกลับหลังนิดนึง ก่อนจะบรรจงเปิดด้วยขวาไปที่กลางประตูให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้วิ่งโฉบมาโถมตัวไปโขกเหน่ง ๆ พุ่งเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสนุกสูสี เปิดเกมแลกกันอย่างดุเดือด เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สวนกลับมาได้น่ากลัวอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ ส่วนทางด้านทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ครองบอลบุกได้มากกว่า เปิดเกมรุกบุกใส่อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!!
นาที 46
เริ่มครึ่งหลังมา ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงของทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ปรับหมากด้วยการเปลี่ยนเอา ลีรอย ซาเน่ ปีกตัวจี๊ด ลงสนามมาเล่นแทน คิงสเล่ย์ โกมัน ปีกความเร็วสูงอีกคน ที่วันนี้ไม่สามารถป่วนแนวรับเจ้าถิ่นได้มากเท่าที่ควร ไปพักที่ข้างสนามก่อนเพื่อนเลย
นาที 50 GOAL!!!
เปิดฉากครึ่งหลังมาเพียงห้านาที เป็นทางฝั่งทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะสวนกลับเร็ว แซร์จ นาบรี้ แทงบอลให้ อัลฟอนโซ่ เดวิส หลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะปาดเลียดเข้ากลางไปแฉลบ มานูเอล อคานจี บอลยังกระดอนมาที่หน้าประตูเข้าทาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พยายามจะกระโดดตอกส้นยิงแต่ไม่โดน ทำให้ เกรกอร์ โคเบล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียจังหวะ สุดท้ายบอลเลยมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ วิ่งมาซัดโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก
นาที 52
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์มุนด์ เกือบจะได้ประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะ มาห์มูด ดาฮูด ได้เปิดบอลยาวจากแดนตัวเองข้ามแนวรับไปให้ เออร์ลิง เบราส์ ฮาแลนด์ ได้กระชากพาบอล หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะแปด้วยซ้ายเน้น ๆ สวนตัว มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาซ้ายมือ เข้าประตูไป แต่ทว่า ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจังหวะล้ำหน้า เฮเก้อกันไป
นาที 62
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พยายามโหมบุกอย่างหนัก แต่ก็ยังเจาะแนวรับทีมเยือนไม่เข้า จังหวะนี้ มาร์โค รอยส์ ไหลบอลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษให้ จู๊ด เบลลิงแฮม เจ้าตัวตั้งป้อมขอลองซัดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ แต่บอลน้ำหนักเบาแถมไปตรงตัวของ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับไว้ได้สบาย
นาที 64 GOAL!!!
เจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะ มานูเอล อคานจี วางยาวให้ เฟลิกซ์ พลาสลัค โหม่งเข้ากลางต่อมาให้ จู๊ด เบลลิงแฮม เจ้าตัวพยายามจะเลี้ยงหาช่องในเขตโทษฝั่งขวาแต่โดนขวาง ก่อนจะไหลย้อนหลังมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ มาร์โค รอยส์ วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ บอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เบียดเสาแรกขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 74 GOAL!!!
ทีมเยือน เสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค มาได้ประตูหนีห่างออกไปอีกครั้งเป็น 3-1 !!! เป็นจังหวะความผิดพลาดของ มานูเอล อคานจี ที่จ่ายบอลไปโดน จามาล มูเซียล่า ปั๊มบอลกระฉอกไปเข้าทาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ส้มหล่น หลุดเดี่ยวไปล่อเป้าเลือกมุมยิงในเขตโทษ ก่อนจะแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทางสวนตัว เกรเกอร์ โคเบล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เบียดเสาแรกขวามือ เข้าประตูไป อย่างง่ายดาย
นาที 86
ช่วงท้ายเกม ยังคงเป็นทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค ที่ได้ครองบอลบุกต่อ จังหวะนี้ เลออน โกเร็ตซ์ก้า ขอลองส่องไกลด้วยขวาเต็มข้อเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงเป็นจรวด แต่ก็ดันไปตรงตัวของ เกรกอร์ โคเบล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน บาเยิร์น มิวนิค บุกมาเอาชนะเจ้าถิ่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปได้อย่างสนุก 3-1 !!! คว้าแชมป์ เดเอฟแอล ซุปเปอร์คัพ สมัยที่ 9 ไปครองได้สำเร็จ